นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/63 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563) มีกำไรสุทธิ 718.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 323.03 ล้านบาท หรือคิดเป็น 81.67% เมื่อเทียบรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน 395.54 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 1,683.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 66.404 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.11% เมื่อเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 1,617.33 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้โครงการในประเทศ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และในประเทศเวียดนาม ที่ COD ไปในก่อนหน้านี้
"ผลประกอบการไตรมาส 1/63 ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ มาจากทุกส่วนงานของบริษัทไม่ว่าจะเป็นในไทยและในเวียดนาม โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะ โดยมีสัญญาสัมปทานจากการเผาทุกขยะทุกโครงการ
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2563 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น จากโครงการในประเทศและต่างประเทศ ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะชุมชนที่ จังหวัดพิจิตร ขนาดกำลังการผลิตเสนอขาย 9.9 เมกะวัตต์ ที่ CODในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ประเทศเวียดนามจำนวน 3 - 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 550 -750 เมกะวัตต์ ที่จะทยอย COD ในเดือนธันวาคม 2563 เข้ามาสนับสนุน
ในปัจจุบันบริษัทฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) อยู่ราว 1,000 เมกะวัตต์ โดยได้ตั้งเป้าการ COD ในปี 2563 ที่ 500 - 600 เมกะวัตต์ และในปี 2564 อีกกว่า 400 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังลม ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตกว่า 400 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้ผลการดำเนินงานในปี 2563-2564 สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ประธานคณะกรรมการ SUPER กล่าวอีกว่า มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ของบริษัทฯในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ตามแผนงานที่วางไว้ และ จากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ทั้งในรูปแบบของโซลาร์ฟาร์มทั้งในและต่างประเทศ, โครงการโรงไฟฟ้าขยะ รวมไปถึงแผนในการขายไฟการขายไฟฟ้าโดยตรงให้กับลูกค้าในลักษณะ Private PPA รวมไปถึงขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัทฯและผู้ถือหุ้น