DOD ตอกย้ำความแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัท มั่นใจปีนี้เติบโต ฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดด

ศุกร์ ๑๕ พฤษภาคม ๒๐๒๐ ๑๐:๓๔
บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค หรือ DOD ตอกย้ำความแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัท ทั้งธุรกิจผลิตอาหารเสริมสุขภาพ ธุรกิจผลิตเครื่องสำอาง และธุรกิจเครือข่าย โดยไตรมาสที่ 1 ปี 2563 มีการเติบโตทั้งยอดขายที่184.35%และกำไรจากการดำเนินงานที่ 43.20% พร้อมทั้งคาดว่าผลประกอบการปีนี้จะมีฟื้นตัวกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด

นางสาวสุวารินทร์ ก้อนทอง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า แม้จะมีพิษเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ส่งผลให้มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัท 27.96 ล้านบาท ลดลง 32.15% แต่หากพิจารณาเฉพาะผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท DOD ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ทั้งธุรกิจผลิตอาหารเสริมสุขภาพ ธุรกิจผลิตเครื่องสำอาง และธุรกิจเครือข่าย จะพบว่าไตรมาสที่ 1 ปี 2563 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขาย 341.59 ล้านบาท เติบโต 184.35%

ซึ่งการเติบโตนั้นมาจากทั้ง 3 ธุรกิจหลัก ส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) 60.43 ล้านบาท เติบโต 43.20% โดยมาจากธุรกิจผลิตอาหารเสริมสุขภาพและธุรกิจผลิตเครื่องสำอาง ส่วนธุรกิจเครือข่าย ยังคงมีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ ซึ่งเริ่มดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในช่วง 6 เดือนสุดท้ายของปีก่อน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องการลงทุนในกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ของตนเองให้เป็นที่รู้จักและยอมรับแก่สมาชิก

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ. ดีโอดี ไบโอเทค ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงทิศทางธุรกิจในช่วง 9 เดือนสุดท้ายของปีนี้ว่า ผลประกอบการคาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากธุรกิจผลิตอาหารเสริมสุขภาพยังคงมีคำสั่งซื้อจากฐานลูกค้าที่มีศักยภาพ ธุรกิจผลิตเครื่องสำอางมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากการปรับโครงสร้างการบริหารงานและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจนสามารถรองรับกับคำสั่งซื้อของลูกค้าที่มีความต้องการหลากหลาย ในแต่ละผลิตภัณฑ์ อาทิ ครีมกันแดด แผ่นมาร์คหน้า ลิปสติก ครีมรองพื้น โฟมล้างหน้า ครีมสครับหน้า โลชั่นกันยุงสำหรับเด็ก และเจลแอลกอฮอล์ เป็นต้น

สำหรับธุรกิจเครือข่าย คาดว่าจะมียอดขายเติบโตเป็นผลมาจากจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และการกลับมาสั่งซื้อสินค้าอาหารเสริมด้านความงามซึ่งชะลอตัวลงจากพิษเศรษฐกิจ รวมถึงได้มีควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผลประกอบปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังมีสภาพคล่องและความมั่นคงทางการเงิน พิจารณาได้จากอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน (Current Ratio) เท่ากับ 1.47 เท่า และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) เท่ากับ 0.35 เท่า ซึ่งยังพร้อมที่จะรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกลุ่มบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินการตามกลยุทธ์ในการสร้างสมดุลของกิจการ พิจารณาได้จากการกระจายโครงสร้างรายได้และลดความเสี่ยง โดยแบ่งเป็น 3 ธุรกิจหลัก ซึ่งจะส่งเสริมสนับสนุนระหว่างกัน โดยมุ่งเน้นที่กลุ่มธุรกิจสุขภาพและความงาม (Healthy & Beauty) ซึ่งสะท้อนความสำเร็จผ่านผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ว่ารายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับใกล้เคียงเดิม จึงส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินเติบโตในที่สุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน