deCODE Genetics เผย การกลายพันธุ์ใน FLT3 เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคไทรอยด์และโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองอื่น ๆ

พฤหัส ๒๕ มิถุนายน ๒๐๒๐ ๐๙:๑๙
- การบูรณาการระหว่างการศึกษาชีววิทยาเชิงระบบในระดับดีเอ็นเอ (genomics) ระดับอาร์เอ็นเอ (transcriptomics) และระดับโปรตีน (proteomics) ได้เผยแง่มุมใหม่เกี่ยวกับโรคไทรอยด์แบบภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองโรคอื่น ๆ และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์

นักวิทยาศาสตร์ของ deCODE Genetics บริษัทในเครือของ Amgen และผู้ร่วมวิจัยจากระบบบริการสุขภาพของไอซ์แลนด์ University of Iceland และ Karolinska Institute ในสวีเดน ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature งานวิจัยดังกล่าวได้เปรียบเทียบระหว่างผู้ป่วยโรคไทรอยด์กว่า 30,000 รายจากไอซ์แลนด์และสหราชอาณาจักร โดยมีกลุ่มควบคุม 725,000 ราย โรคไทรอยด์แบบภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (AITD) เป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดและมีแนวโน้มที่จะถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้สูง นักวิทยาศาสตร์ค้นพบการกลายพันธุ์ของลำดับสารชีวโมเลกุล 99 รูปแบบที่มีความเชื่อมโยงกับโรคไทรอยด์แบบภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง โดยที่ 84 รูปแบบในจำนวนนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับโรคนี้มาก่อนแต่อย่างใด

หนึ่งในการกลายพันธุ์ของลำดับที่เพิ่งค้นพบอยู่ในยีนที่รหัสตรงกับยีน FLT3 (fms-related tyrosine kinase 3) ในเซลล์เม็ดเลือดและเซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน และกำลังเป็นที่สนใจอย่างมากด้วยเหตุผลหลายประการ

ประการแรก รูปแบบลำดับดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคไทรอยด์แบบภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองและโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองอื่น ๆ ได้เป็นอย่างมาก ทั้งโรคเอสแอลอี (systemic lupus erythematosus - SLE) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) และโรคเซลิแอค โรคเหล่านี้ล้วนมีสารภูมิต้านเนื้อเยื่อตนเอง (autoantibody) และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเหล่านี้ยังมักจะเป็นโรคไทรอยด์แบบภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองด้วยเช่นกัน

ประการที่สอง เป็นที่รู้กันว่าการกลายพันธุ์แบบโซมาติกในยีน FLT3 สัมพันธ์กับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์ (AML) นักวิทยาศาสตร์จึงทำการทดสอบว่าการกลายพันธุ์ใน FLT3 ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมส่งผลต่อความเสี่ยงของการเกิดโรค AML เหมือนที่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองหรือไม่ ผลการทดสอบชี้ว่ามันเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรค AML เกือบสองเท่า แต่ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งทั้งหมด

ประการที่สาม การกลายพันธุ์ใน FLT3 ซึ่งเป็นอินตรอนของยีนและไม่ได้ส่งผลต่อลำดับของรหัสพันธุกรรมโดยตรง อาจส่งผลต่อความเสี่ยงของการเกิดโรคได้อย่างมาก การกลายพันธุ์นี้ทำให้เกิดโคดอนหยุดในรหัสพันธุกรรม ซึ่งส่งผลเป็นโปรตีนที่สั้นลงเพราะไม่มีส่วนที่เป็นไคเนส ซึ่งสำคัญสำหรับการทำหน้าที่ของโปรตีน

ประการสุดท้าย การกลายพันธุ์ใน FLT3 นี้ส่งผลต่อระดับพลาสมาและโปรตีนอื่น ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะลิแกนด์ของ FLT3 จึงส่งผลให้มีระดับสูงขึ้นเกือบสองเท่าในผู้ที่เป็นพาหะ คู่สารชีวโมเลกุล FLT3 และลิแกนด์มีบทบาทสำคัญในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดที่ช่วยตอบสนองต่อโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์และโรคภูมิคุ้มกัน การกลายพันธุ์นี้จึงทำให้เซลล์ไม่สามารถทำหน้าที่ซึ่งมีการชดเชยด้วยระดับลิแกนด์ที่เพิ่มขึ้น

“รายงานนี้ชี้ให้เห็นความเสี่ยงจากยีนในการเกิดโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ซึ่งค้นพบได้จากการศึกษาวิจัยการแสดงออกของยีนทั้งหมดในจีโนมเกี่ยวกับโรคไทรอยด์แบบภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง นอกจากนี้ยังชี้ว่าความเสี่ยงจากการกลายพันธุ์ส่งผลต่อยีน FLT3 อย่างไร ตลอดจนผลของระดับลิแกนด์ต่อยีน FLT3 ในเลือด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของระบบหน้าที่” ศาสตราจารย์ Saedis Saevarsdottir นักวิทยาศาสตร์ของ deCODE genetics และผู้นิพนธ์ชื่อแรกของงานวิจัยกล่าว

“การค้นพบในงานวิจัยนี้เกิดขึ้นจากการบูรณาการระหว่างการศึกษาชีววิทยาเชิงระบบในระดับดีเอ็นเอ (genomics) ระดับอาร์เอ็นเอ (transcriptomics) และระดับโปรตีน (proteomics) และเป็นการศึกษาที่ไม่ขึ้นอยู่กับสมมติฐาน ทำให้เกิดแนวทางศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรคในมนุษย์ที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง” Kari Stefansson ซีอีโอบริษัท deCODE genetics และผู้นิพนธ์หลักของงานวิจัยกล่าว

deCODE มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเรคยาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ บริษัทเป็นผู้นำระดับโลกในการวิเคราะห์และทำความเข้าใจจีโนมมนุษย์ ด้วยการใช้ความชำนาญเฉพาะตัวในด้านพันธุศาสตร์มนุษย์ ประกอบกับความเชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้นในด้านทรานสคริปโตมิกส์ (transcriptomics) และโปรตีโอมิกส์ (proteomics) ในกลุ่มประชากร รวมถึงข้อมูลลักษณะปรากฏ (phenotypic) จำนวนมาก deCODE จึงค้นพบปัจจัยเสี่ยงของโรคที่พบได้บ่อยหลายสิบโรค และทำให้เกิดความเข้าใจในเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับพยาธิกำเนิดของโรคเหล่านั้น จุดประสงค์ในการทำความเข้าใจพันธุศาสตร์ของโรคก็คือ เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้คิดค้นวิธีใหม่ ๆ ในการวินิจฉัย รักษา และป้องกันโรค deCODE เป็นบริษัทในเครือของ Amgen (NASDAQ: AMGN)

Video - https://www.youtube.com/watch?v=Wa4OGAejKTs

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1195282/deCODE_genetics_headquarters.jpg

Logo - https://mma.prnewswire.com/media/974116/deCODE_genetics_Logo.jpg

ติดต่อ:

Thora Kristin Asgeirsdottir

PR and Communications

deCODE genetics

[email protected]

+354 894 1909

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง