ไทยเลื่อนสถานะเข้ากลุ่มตลาดอสังหาริมทรัพย์โลกที่มีความโปร่งใส

พฤหัส ๐๙ กรกฎาคม ๒๐๒๐ ๑๕:๐๖
รายงานดัชนีความโปร่งใสตลาดอสังหาริมทรัพย์โลกประจำปี 2563 ซึ่งจัดทำและเผยแพร่ทุกสองปีโดยบริษัทที่ปรึกษาและบริการอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับการปรับสถานะขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความโปร่งใสเป็นครั้งแรก จากที่เคยอยู่ในกลุ่มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีความโปร่งใสปานกลางตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังจัดเป็นประเทศที่มีดัชนีความโปร่งใสปรับตัวดีขึ้นมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก จากทั้งหมด 99 ประเทศและเขตปกครองที่อยู่ในรายงานฉบับนี้
ไทยเลื่อนสถานะเข้ากลุ่มตลาดอสังหาริมทรัพย์โลกที่มีความโปร่งใส

นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล ประเทศไทยกล่าวว่า “การมีข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์และความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีดัชนีความโปร่งใสปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การปรับปรุงกฎระเบียบด้านต่างๆ เมื่อเร็วๆ นี้ มีส่วนช่วยให้ตลาดมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้นไปอีก อาทิ การยกระดับมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อ ข้อกำหนดให้มีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น ตลอดไปจนถึงการเปิดรับฟังความเห็นจากสาธารณะอย่างกว้างขวางสำหรับร่างผังเมืองใหม่กรุงเทพมหานครฉบับใหม่ ซึ่งเดิมมีกำหนดจะประกาศใช้ในปีนี้ แต่เพิ่งมีการประกาศเลื่อนออกไปเป็นปี 2564”

รายงานฉบับดังกล่าวของเจแอลแอล ซึ่งมีเกณฑ์การวัดค่าดัชนีความโปร่งใสโดยพิจารณาจากปัจจัยหรือตัวแปรด้านต่างๆ เผยว่า ตลาดเกิดใหม่ในเอเชียแปซิฟิก เป็นกลุ่มที่มีการปรับตัวดีขี้นของค่าดัชนีความโปร่งใสมากที่สุด โดยเฉพาะจากปัจจัยในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และการใช้เทคโนโลยี ทั้งนี้ จาก 10 ประเทศที่มีดัชนีความโปร่งใสปรับตัวดีขึ้นมากที่สุดในโลก มี 6 ประเทศที่อยู่ในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ จีน ไทย อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ในส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่า ประเทศที่มีการเลื่อนสถานะขึ้น ได้แก่ ไทยซึ่งปรับขึ้นจากที่เคยอยู่ในกลุ่มตลาดที่มีความโปร่งใสปานกลางไปอยู่ในกลุ่มตลาดโปร่งใส และเวียดนามออกจากกลุ่มตลาดโปร่งใสต่ำขึ้นไปอยู่ในกลุ่มตลาดโปร่งใสปานกลาง

การเผยแพร่รายงานดัชนีความโปร่งใสตลาดอสังหาริมทรัพย์โลกฉบับประจำปีนี้ โดยเจแอลแอล มีขึ้นในช่วงในช่วงเวลาที่เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งนำไปสู่ความจำเป็นมากยิ่งขึ้นที่จะต้องอาศัยกระบวนการต่างๆ ที่มีความโปร่งใส ข้อมูลที่มีความถูกต้องแม่นยำและทันต่อสถานการณ์ รวมถึงมาตรฐานด้านจริยธรรม

เจแอลแอลระบุว่า ในขณะนี้ มีเม็ดเงินที่พร้อมเข้าลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์เอเชียแปซิฟิกรวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 40,000 ล้านดอลลาร์

เรจินา ลิม หัวหน้าฝ่ายวิจัย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของเจแอลแอลกล่าวว่า “แม้สถานการณ์โรคระบาดจะส่งผลให้กิจกรรมการลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์หยุดชะงัก ความต้องการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังคงมีอยู่ต่อไป โดยพบว่า ยังมีนักลงทุนจำนวนมากที่มีแผนลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเอเชียแปซิฟิกเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ความโปร่งใสของตลาดจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีก”

หนึ่งในหลายๆ ปัจจัยที่มีผลต่อระดับความโปร่งใสของตลาดอสังหาริมทรัพย์คือการมีข้อมูลตลาดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์หรือ proptech แพร่หลายมากขึ้นในการบริหารจัดการและเผยแพร่ข้อมูล ทั้งนี้ สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีส่วนอย่างมากในเร่งให้มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้นในการบริหารจัดการข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ การเคลื่อนย้ายของผู้คน และการใช้พื้นที่ เพื่อให้สามารถจัดเก็บและเผยแพร่ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

คริส ฟอสสิค ซีอีโอภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเจแอลแอลกล่าวว่า “การปรับปรุงกฎระเบียบโดยภาครัฐฯ และการดำเนินการต่างๆ ของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดระดับความโปร่งใสของตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่อไป โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 ยิ่งมีความจำเป็นมากขึ้นที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะต้องร่วมทำงานกับภาครัฐฯ อย่างใกล้ชิดเพื่อยกระดับความโปร่งใส และสอดรับกับความคาดหวังของนักลงทุนที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า”

เจแอลแอลได้จัดทำรายงานดัชนีความโปร่งใสตลาดอสังหาริมทรัพย์โลกนับตั้งแต่ปี 2542 โดยรายงานประจำปีนี้ เป็นฉบับที่ 11 ครอบคลุม 163 เมืองใน 99 ประเทศและเขตปกครอง เกณฑ์การวัดค่าดัชนีความโปร่งใสพิจารณาจากตัวแปรต่างๆ 210 ตัวแปร ซึ่งรวมถึงตัวแปรใหม่ที่เพิ่มเข้ามา อาทิ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ความสามารถในการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลง สุขภาพ-ความเป็นอยู่ที่ดี และการใช้เทคโนโลยีเพื่ออสังหาริมทรัพย์

เกี่ยวกับ JLL

เจแอลแอลจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกธุรกิจบริการและบริหารการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศและมีพนักงานทั่วโลกรวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 93,000 คน สำหรับในประเทศไทยเริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2533 ปัจจุบันเป็นบริษัทระหว่างประเทศผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยพนักงาน 1,600 คน มีอสังหาริมทรัพย์และสถานประกอบการภายใต้การบริหารจัดการคิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 6 ล้านตารางเมตร

จากการประกาศรางวัล International Property Awards 2019-2020 เจแอลแอลประเทศไทยได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัลระดับห้าดาวในสาขาที่ปรึกษาและตัวแทนซื้อขายให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ดีที่สุดของประเทศ และเป็นที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ดีที่สุดของเอเชียแปซิฟิก ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเจแอลแอลเพิ่มเติมได้ที่ www.jll.co.th

ไทยเลื่อนสถานะเข้ากลุ่มตลาดอสังหาริมทรัพย์โลกที่มีความโปร่งใส ไทยเลื่อนสถานะเข้ากลุ่มตลาดอสังหาริมทรัพย์โลกที่มีความโปร่งใส

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๕๙ อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud