กอนช. คาดฝนตกชุกทั่วประเทศ 20-22 ก.ค. นี้ เผยปรับการบริหารน้ำลุ่มเจ้าพระยาช่วยเหลือเกษตรกร

จันทร์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๐๒๐ ๐๙:๒๖
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ บูรณาการความร่วมมือหน่วยเกี่ยวข้องติดตามประเมินสถานการณ์น้ำใกล้ชิด คาด 20-22 ก.ค. นี้ ฝนจะตกกระจายทั่วประเทศและตกหนักในบางพื้นที่ รวมทั้งปริมาณฝนจะเพิ่มมากขึ้น เผยปรับลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลง 10 ลบ.ม. ต่อวินาที ช่วยเหลืออุปโภคบริโภคและการเกษตรที่ได้เพาะปลูกไปแล้ว
กอนช. คาดฝนตกชุกทั่วประเทศ 20-22 ก.ค. นี้ เผยปรับการบริหารน้ำลุ่มเจ้าพระยาช่วยเหลือเกษตรกร

นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ติดตามสถานการณ์น้ำประจำวัน ร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานภายใต้คณะทำงาน กอนช. ซึ่งมาปฏิบัติการประจำ ณ ห้องประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ โดยวันนี้ (18 ก.ค. 63) ได้รับทราบรายงานการคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าในช่วง 7 วันข้างหน้า ปริมาณฝนจะลดลง และจะมีฝนเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงวันที่ 20-22 ก.ค. 63 โดยจะมีฝนตกกระจายเกือบทุกภูมิภาค และมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ พร้อมกันนี้ กอนช. ได้คาดการณ์ปริมาตรน้ำไหลลงแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 38 แห่ง ทั่วประเทศ 3 วันล่วงหน้า จะมีน้ำไหลลงแหล่งน้ำทั่วประเทศ รวมจำนวน 165 ล้าน ลบ.ม. โดยจะมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนสิริกิติ์มากที่สุด จำนวน 44 ล้าน ลบ.ม.

นอกจากนี้ สถานการณ์เพาะปลูกพืชในเขตลุ่มเจ้าพระยา ซึ่งในปัจจุบันมีปริมาณพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วถึง 3.81 แสนไร่ ในขณะที่ปริมาณน้ำทั้งใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้อยมากและไม่สามารถสนับสนุนพื้นที่เพาะปลูกในเขตลุ่มเจ้าพระยาได้ ทั้งนี้ กอนช. ได้ปรับแนวทางการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการปรับลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจาก 70 ลบ.ม. ต่อวินาทีเหลือ 60 ลบ.ม. ต่อวินาที เพื่อควบคุมระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งส่งผลให้สามารถนำน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้นเพื่อช่วยเหลือด้านน้ำอุปโภค-บริโภคแก่ประชาชน และน้ำด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรที่ได้เริ่มเพาะปลูกไปแล้ว ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การขาดแคลนน้ำในขณะนี้ นอกจากนี้ ได้ประสานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่เกษตรกร ให้เริ่มทำการเพาะปลูกได้ตั้งแต่หลังช่วงวันที่ 15 ก.ค. 63 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น และเกษตรกรต้องตัดสินใจทำการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำฝน เนื่องจากจะไม่มีการระบายน้ำจากเขื่อนเพิ่มเพื่อการเพาะปลูก เพราะจำเป็นจะต้องกักเก็บน้ำฝนไว้ให้มากที่สุดเพื่อใช้สำหรับฤดูแล้งหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง