นายชาญวิทย์ ตรีเดช ผู้จัดการกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) หน่วยงานส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีไอเดีย หรือนวัตกรรม และเทคโนโลยี ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า จากการที่คนไทยให้ความสนใจสุขภาพและความสวยความงามมากขึ้น ธุรกิจเสริมความงามรวมทั้งสินค้าเครื่องสำอางจึงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง เช่น หจก. โคคูน คอสเมติก (ประเทศไทย) ที่ได้รับคำปรึกษาและให้การสนับสนุนจาก TED Fund ในการนำแป้งฝุ่นปราศจากทัลคัมที่ผลิตได้ ออกทำตลาดในต่างประเทศและขายได้ในราคาที่สูงถึงตลับละกว่า 1 พันบาท
เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.ดร.วัลยา สุทธิขำ กรรมการ หจก.โคคูน คอสเมติก (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หลังจากห้างฯ ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาเทคนิคการเตรียมผงแป้งจากรังไหมไทย ด้วยกระบวนการปรับปรุงสภาพผิวอนุภาคของผงไหม ให้สามารถกระจายตัวและดูดซับความมันบนใบหน้า ด้วยคุณสมบัติของผงแป้งที่โปร่งแสง ดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้ดี โดยพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบคือ แป้งแต่งหน้าโปร่งแสงจากผงไหมไทย และได้นำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเข้าขอรับคำแนะนำจาก TED Fund กระทั่งได้ต้นแบบบรรจุภัณฑ์(Packaging) รวมทั้งได้รับทุนสำหรับการทดสอบตลาด โดยสามารถส่งไปทำตลาดในสหรัฐอเมริกา ผ่านช่องทางออนไลน์ของ Amazon มาแล้วระยะหนึ่งและได้ผลตอบรับจนเป็นที่น่าพอใ
“TED Fund ทำให้เรารู้ว่า ผู้บริโภคไม่ได้ต้องการ Packaging ที่วิลิศมาหรา แต่ต้องการอะไรที่เรียบง่าย ใช้สะดวก และผลจากคำแนะนำของ TED Fund ก็คือ เราสามารถจบกระบวนการ จบวิธีคิดในเรื่อง Packaging ได้ ซึ่งเมื่อรวมกับคุณภาพผลิตภัณฑ์ของเราที่ไม่มีทัลคัม และมีวัตถุดิบจากอนุภาคผงไหมในพื้นที่ภาคอีสาน รวมทั้งส่วนผสมอื่นๆ ที่มาจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมด กระแสตอบรับของลูกค้าในสหรัฐฯ ก็ออกมาค่อนข้างดี ได้ราคาที่ดี คือ เรากำหนดราคาขายข้างกล่องที่ 1,290 บาท และจากกระแสตอบรับของตลาด ทำให้เราตัดสินใจปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งเป็นการตัดสินใจตั้งแต่ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19”
หจก.โคคูน คอสเมติก (ประเทศไทย) เป็นนิติบุคคลที่มีเทคโนโลยีการแปรรูปโปรตีนจากรังไหมไทย เพื่อใช้เป็นสารตั้งต้น หรือส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอยู่แล้วส่วนหนึ่ง การพัฒนาผลิตภัณฑ์แป้งแต่งหน้าจากโปรตีนไหมจึงเป็นการใช้ประโยชน์จากโปรตีนไหมที่แยกออกจากการผลิตก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดการใช้ประโยชน์จากไหมสูงสุด โดยไม่มีของเหลือทิ้ง และสามารถสร้างงานให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในภูมิภาค ซึ่งถือเป็นโครงการที่มีนวัตกรรมและเข้าข่ายได้รับทุนตลอดจนคำแนะนำในเรื่องการตลาดจาก TED Fund ขณะที่ รศ.ดร.วัลยา สุทธิขำ เป็นนักวิชาการที่มีความคิดสร้างสรรค์ และเคยได้รับรางวัลจากงานวิจัยผลิตภัณฑ์หลายรางวัล รวมทั้งได้รับคัดเลือกให้เข้ารับการอบรมการทำแผนธุรกิจจากสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ณ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ที่ประเทศอังกฤษอีกด้วย
