สศช. วิเคราะห์ปัญหาและกลไกการดำเนินงาน Smart Farming เพื่อเพิ่มแต้มต่อให้เกษตรกรไทย

อังคาร ๑๘ สิงหาคม ๒๐๒๐ ๑๐:๑๘
ในปี 2562 – 2563 ที่ผ่านมาสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ได้เลือกประเด็น“การพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming)”มาทำการศึกษาวิเคราะห์เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและผลักดันกลไกให้ดำเนินการไปอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้กล่าวถึงการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ว่าเป็นประเด็นการพัฒนาที่มีลำดับความสำคัญสูงในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2565) โดย สศช. ได้ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลภาพรวมการขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะรวมถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเบื้องต้น เพื่อจัดทำข้อเสนอการขับเคลื่อนในระยะต่อไป และพบว่า การขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะในปัจจุบันมีประเด็นท้าทายที่ต้องให้ความสำคัญดังนี้

การกำหนดคำนิยามของคำว่า “เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming)” ยังไม่ชัดเจน โดยแต่ละหน่วยงานได้ให้คำจำกัดความหรือนิยามที่แตกต่างกันไป เช่น บางหน่วยงานนิยามว่าเกษตรอัจฉริยะหมายถึงเฉพาะการใช้เทคโนโลยีในการเพาะปลูก หรือนิยามไปที่ตัวเกษตรกรที่มีความรู้ความสามารถในการสร้างนวัตกรรมทางการเกษตรเท่านั้น ดังนั้น สศช. จึงได้ศึกษาวิเคราะห์และประมวลได้ว่า “เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming)” จะหมายถึงวิธีทางการเกษตรที่มีการวิเคราะห์พื้นที่ มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต ใช้หลักการทำน้อยได้มาก ใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรกลเกษตรอัจฉริยะ ควบคุมกระบวนการผลิต ตั้งแต่การปลูก ดูแลรักษา เก็บเกี่ยว ขนส่ง ตลอดจนการแปรรูป รวมถึงการเก็บข้อมูลเพื่อใช้ประโยชน์ในอนาคต ตัวอย่างเช่น การใช้ Agri-Map เพื่อตรวจสอบสภาพดินและการเลือกเมล็ดพันธุ์ การควบคุมปริมาณแสง ความชื้น และอุณหภูมิ การกำหนดปริมาณสารอาหารและน้ำที่เหมาะสม การใช้ระบบเซนเซอร์เพื่อการบริหารจัดการแปลงและโรงเรือน การกำจัดศัตรูพืช รวมถึงการสั่งการระยะไกล โดยนำระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาช่วยสนับสนุน รวมทั้งการวางแผนและตัดสินใจทำการเกษตรบนฐานข้อมูลสารสนเทศที่ถูกต้อง โดยการพัฒนา Big Data Platform ด้านเกษตรอัจฉริยะเพื่อให้เกิดความแม่นยำในการผลิต ทั้งนี้ การพัฒนาเกษตรอัจฉริยะให้บรรลุเป้าหมาย จะต้องขับเคลื่อนองค์ประกอบสำคัญใน 5 ด้านไปพร้อมกัน ได้แก่ ตัวเกษตรกร เทคโนโลยี กระบวนการผลิตและเก็บเกี่ยว ตลาด และเงินทุนการขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะยังขาดการทำงานร่วมกันในเชิงบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกษตรอัจฉริยะมีการขับเคลื่อนโดยหลายหน่วยงานแต่การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังมีลักษณะต่างคนต่างทำ ขาดการบูรณาการ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มุ่งเน้นการพัฒนาความรู้ของเกษตรกรให้รู้แนวคิดการเป็น Smart Farmer เท่านั้น ไม่ได้มุ่งเน้นการพัฒนาในด้านอื่นๆ ด้วย และหลายโครงการของกระทรวงเกษตรฯ มีความซ้ำซ้อนและคล้ายคลึงกัน ในขณะที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและสถาบันการศึกษาในพื้นที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและการวิจัย แต่ไม่มีเงินทุนให้เกษตรกรซื้อเทคโนโลยีมาใช้งาน กระทรวงพาณิชย์ไม่มีการสนับสนุนด้านการตลาดสำหรับสินค้าที่เกษตรกรได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นจาก Smart Farming อย่างชัดเจน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีโครงการสินเชื่อเพื่อการเกษตรแต่ไม่ได้สนับสนุนเป็นการเฉพาะสำหรับการทำเกษตรอัจฉริยะ หรือบางหน่วยงานแยกส่งเสริมเป็นรายผลผลิต เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดำเนินโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรในภาคตะวันออก เน้นผลักดันให้นำเกษตรอัจฉริยะมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูกผลไม้และการทำผลไม้แปรรูป ขณะที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติให้เงินทุนสนับสนุนภาคเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำเทคโนโลยีมาใช้ในการเพาะปลูกมันสำปะหลัง เป็นต้นไม่มีหน่วยงานเจ้าภาพในการดูแลนโยบายเกษตรอัจฉริยะอย่างเป็นองค์รวมและครบวงจร ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าเกษตรกรหนึ่งคนต้องการเข้าร่วมการทำเกษตรอัจฉริยะโดยการพัฒนาองค์ความรู้ของตน ต้องการใช้เทคโนโลยี แต่ขาดเงินทุน เกษตรกรคนดังกล่าวต้องติดต่อกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ และ ธ.ก.ส. ด้วยตนเอง ดังนั้น จึงควรกำหนดหน่วยงานเจ้าภาพที่ชัดเจน โดยอาจเป็นกระทรวงเกษตรฯ ทำหน้าที่เป็นแกนหลักในการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงาน รวมถึงประสานให้เกิดการส่งไม้ต่อการดำเนินงานจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งได้อย่างมีบูรณาการ

นอกจากนี้ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า เกษตรอัจฉริยะเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของการยกระดับเกษตรกรรมของประเทศไทย ดังนั้น นอกจากต้องสร้างการบูรณาการด้านความรู้ ข้อมูล และวิธีการต่างๆ จากหลายภาคส่วนแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือการยกระดับการใช้เทคโนโลยีในระดับที่สูงขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน กล่าวคือหลังจากส่งเสริมให้เกษตรกรเริ่มนำเทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อนมากมาใช้ เช่น อากาศยานไร้คนขับระบบน้ำหยด การใช้พลังงานโซล่าเซลล์ ควรผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีที่สูงขึ้นมาใช้ เช่น หุ่นยนต์เพื่อการเกษตร หรือการใช้ AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์

ทั้งนี้ สศช. ได้ลงพื้นที่จัดประชุมเฉพาะกลุ่ม (FocusGroup) เพื่อตรวจสอบยืนยันข้อค้นพบจากการศึกษาวิเคราะห์ข้างต้นกับหน่วยงานและภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง และระดมความเห็นในเชิงลึกเพื่อกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม ก่อนเสนอไปยังระดับนโยบายเพื่อพิจารณา ซึ่งผลการลงพื้นที่จะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามต่อ และน่าคิดว่าหาก Smart Farming สามารถผลักดันในทางปฏิบัติได้จริง จะเปลี่ยนโฉมหน้าภาคการเกษตรไทยไปได้ขนาดไหน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน