บล.ทิสโก้แนะทยอยสะสมหุ้น 'เพื่อลงทุน’ ที่ดัชนี 1,250-1,280 จุด

ศุกร์ ๑๘ กันยายน ๒๐๒๐ ๑๑:๔๗
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (Mr. Apichat Poobunjirdkul, Senior Strategist, TISCO Securities Co., Ltd) เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงหลังของเดือน ก.ย. ยังคงอยู่ที่ปัจจัยการเมืองในประเทศ ทั้งการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาในวันที่ 19 ก.ย. และการประชุมสภาในวันที่ 23-24 ก.ย. ว่าจะมีการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ และในมาตราใด ในขณะเดียวกันการเมืองในต่างประเทศก็มีแนวโน้มดุเดือดมากขึ้น ทั้งการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สถานการณ์ตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน และความไม่แน่นอนของผลการเจรจา Brexit ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า
บล.ทิสโก้แนะทยอยสะสมหุ้น 'เพื่อลงทุน ที่ดัชนี 1,250-1,280 จุด

นอกจากนี้ ความผันผวนของราคาน้ำมันล่าสุดในช่วงต้นเดือนนี้ นอกจากจะกดดันราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมีแล้ว ยังกดดันความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ด้วยและเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจซ้ำเติมให้การหั่นประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยยังไม่สิ้นสุดลง อิงจากการศึกษาความสัมพันธ์ในอดีตเราพบว่า ทุก ๆ ราคาน้ำมันดิบบาเรน์น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ที่เปลี่ยนแปลง 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีผลให้ดัชนีหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกันประมาณ 10 จุด และภาพรวมกำไรของบริษัทจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกว่า 2,800 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น (SET EPS) ที่ประมาณ 30 สตางค์ต่อหุ้น

อย่างไรก็ตาม บล.ทิสโก้ยังคงมุมมองโซนดัชนีหุ้นไทยที่บริเวณ 1,250-1,280 จุดเป็นระดับดัชนีที่น่าทยอยซื้อสะสม “เพื่อการลงทุน” ซึ่งอิงมาจาก 1. ระดับค่าเฉลี่ยอัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า 12 เดือน (12 m Fwd. PER) ที่ปัจจุบันขยับขึ้นมาอยู่ที่ 16-17 เท่า จากเดิมประมาณ 15-16 เท่าในช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งจะได้ดัชนีที่เหมาะสมในช่วง 3 เดือนข้างหน้า หรือในไตรมาส 4/2563 ที่ 1,221-1,297 จุด และควรจะอยู่สูงกว่าระดับ 1,300 จุดขึ้นไปในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า และ 2. การพักตัวทางเทคนิคตามหลัก "Fibonacci Retracement" โดยปัจจุบันดัชนีหุ้นไทยกำลังมีแนวโน้มพักตัวที่ระดับ 38.2% หรือคิดเป็นระดับดัชนีที่ที่ 1,269 จุด

ทั้งนี้ สำหรับโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะหลุดต่ำกว่าระดับ 1,250 จุดลงมาเคลื่อนไหวที่บริเวณ 1,200 จุดต้นๆ บล.ทิสโก้มองว่ายังมีความเป็นไปได้น้อยอยู่ ยกเว้นการชุมนุมทางการเมืองมีความรุนแรงจนถึงขั้นนองเลือด และ/หรือเกิดการแพร่ระบาดรอบ 2 ภายในประเทศ จนทำให้รัฐบาลต้องกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง

ด้วยภาวะตลาดมีแนวโน้มแกว่งซึมลง ขณะที่มูลค่าซื้อขายถดถอยลงเรื่อย ๆ จึงเชื่อว่าจะเห็นการโยกเม็ดเงินเวียนกลุ่มลงทุนไปเรื่อย ๆ เรามองหุ้นที่น่าสะสม “เพื่อการลงทุน” จะเน้นหุ้นที่ราคาหุ้นยังปรับขึ้นน้อยกว่าตลาด (Laggard) แต่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวขึ้น หุ้นเด่นที่ชอบ คือ AEONTS, BAM, BDMS, BEM, CPALL, KTC, MTC และ WHA และทยอยเก็บหุ้นปันผลที่คาดจะให้อัตราเงินปันผล (Div. Yield) เฉลี่ยมากกว่า 4% ต่อปี แนะนำ DCC, EASTW, INTUCH, LH, QH, NYT, PROSPECT, RATCH และ TVO (หมายเหตุ : PROSPECT กลุ่มทิสโก้เป็นที่ปรึกษาการเงินและผู้จัดจำหน่าย)

สำหรับประเด็นหุ้นเก็งกำไรระยะสั้นได้แก่ 1. หุ้นรับอานิสงส์ข่าววัคซีนและการเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบพิเศษ (STV) ได้แก่ AOT, BDMS, CENTEL และ SPA 2. หุ้นเก็งประเด็น Window Dressing – BCH, BGRIM, BJC, CBG, EPG, GULF และORI และ 3. หุ้นที่ประเมินเบื้องต้นว่างบ 3Q20F จะออกมาดีทั้ง YoY และ QoQ – BGC, DELTA, KCE, KTC, MTC, PRM และ SYNEX

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา