ส.อ.ท. มุ่งยกระดับการดูแลความปลอดภัยผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยีบาร์โค้ด 2 มิติ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอล

พฤหัส ๒๒ ตุลาคม ๒๐๒๐ ๑๖:๒๖
ส.อ.ท. มุ่งยกระดับการดูแลความปลอดภัยผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยีบาร์โค้ด 2 มิติ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอล

สภาอุตสาหกรรมฯ นำโดยสถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) นำเทคโนโลยีบาร์โค้ด 2 มิติ ที่สามารถรองรับข้อมูลได้จำนวนมาก ช่วยในการตรวจสอบที่มา คุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้า รองรับอุตสาหกรรม ค้าปลีก เฮลท์แคร์ การขนส่งและโลจิสติกส์ ตอบสนองความต้องการของคู่ค้าและตลาดโลกทั้งในปัจจุบัน ในยุคนิวนอร์มอล เพื่อเตรียมความพร้อมธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมไทยสู่เวทีโลก

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรอยู่ภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีภารกิจหลัก ในการเป็นนายทะเบียนออกเลขหมายบาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 ประจำประเทศไทย ทำหน้าที่สนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาการประยุกต์ใช้บาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 ในระบบซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ตลอดจนระบบการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าในภาคอุตสาหกรรมไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับงานประชุมใหญ่ภายใต้หัวข้อ ?GS1 Cares? ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์สอดคล้องกับนโยบายการบริหารงานและยุทธศาสตร์ ?Service Organization? ของ ส.อ.ท. ที่มุ่งยกระดับ SMEs และภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยในวันนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาให้ข้อมูลความรู้ รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์ในการนำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการซัพพลายเชน โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีบาร์โค้ด 2 มิติ มาใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับสินค้า ที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค เพิ่มความน่าเชื่อถือ เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและการบริการ ตลอดจนเพิ่มโอกาสทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ

นายธนารักษ์ พงษ์เภตรา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการสถาบันรหัสสากล กล่าวเสริมว่า บาร์โค้ดมาตรฐาน GS1 ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการซื้อขายหรือนำสินค้าเข้าห้างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นเทคโนโลยีที่สามารถดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคตลอดจนซัพพลายเชนทั้งหมดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีบาร์โค้ด 2 มิติ ซึ่งเป็นบาร์โค้ดขนาดเล็ก ที่สามารถรองรับข้อมูลจำนวนมาก เช่น หมายเลข Batch / Lot หมายเลขซีเรียล วันที่ควรบริโภค ก่อนวันหมดอายุ ซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตรวจสอบย้อนกลับที่มาของสินค้า ช่วยในเรื่องของความปลอดภัยสินค้า ซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต โดยถูกนำมาใช้มากขึ้น ในอุตสาหกรรมค้าปลีก เฮลท์แคร์ การขนส่งและโลจิสติกส์ ช่วยให้สามารถระบุบ่งชี้สินค้าได้ดีขึ้นและ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สถาบันฯ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็น จึงได้มุ่งเน้นส่งเสริมการใช้งานบาร์โค้ด 2 มิติ และมาตรฐานการตรวจสอบย้อนกลับ ( Traceability) ที่ทั่วโลกต่างเห็นความสำคัญมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน พร้อมกับตอบสนองความต้องการของคู่ค้าและตลาดโลกทั้งในปัจจุบันและในอนาคต และเตรียมความพร้อมของธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมไทยสู่เวทีโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4