บ้านปู เพาเวอร์ฯ เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ดีต่อเนื่อง ย้ำการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย 3 ยุทธศาสตร์

จันทร์ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๐๒๐ ๑๕:๓๐

บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืน ด้วยสมดุลของพอร์ตธุรกิจจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Thermal Power Business) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ปิดไตรมาส 3/2563 ด้วยผลกำไรต่อเนื่อง จากประสิทธิภาพและเสถียรภาพของโรงไฟฟ้า เตรียมเข้าคำนวณดัชนี MSCI GLOBAL SMALL CAP INDEX สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง พร้อมทั้งคาดว่าภายในปีนี้จะมีโรงไฟฟ้า เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงในจีน และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในญี่ปุ่น 2 แห่ง คือ ยามางาตะ (Yamagata) และยาบูกิ (Yabuki) นอกจากนี้ บ้านปู เพาเวอร์ฯ ยังมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย 3 ยุทธศาสตร์ คือ ต่อยอดธุรกิจจากระบบนิเวศทางธุรกิจกลุ่มบ้านปูฯ - หาโอกาสการเติบโต ในประเทศที่มีศักยภาพและผลักดันการเติบโตของ "บ้านปู เน็กซ์"

บ้านปู เพาเวอร์ฯ เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ดีต่อเนื่อง ย้ำการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย 3 ยุทธศาสตร์

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "แม้ในช่วงที่ผ่านมา สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและเศรษฐกิจโลกจะมีความท้าทายอย่างยิ่ง แต่บ้านปู เพาเวอร์ฯ ยังสามารถรักษาการเติบโตของธุรกิจไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง โรงไฟฟ้าทุกแห่งสามารถเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงพัฒนาการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าและการนำเอาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) เข้ามาใช้ โดยเฉพาะในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าเจิ้งติ้ง (Zhending) ในจีนได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นจากความสามารถในการควบคุมการปล่อยมลภาวะในระดับต่ำ นอกจากนี้ เรายังมุ่งบริหารจัดการโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ที่อยู่ระหว่าง การดำเนินการก่อสร้าง ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงในจีน และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 2 แห่ง ได้แก่ ยามางาตะ (Yamagata) และยาบูกิ (Yabuki) เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามแผนรวมไปถึงการบริหารกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง เตรียมพร้อมสำหรับลงทุนในโครงการใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อให้บรรลุการเติบโตได้ตามเป้าหมาย"

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (SLG) กำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 396 เมกะวัตต์นั้น การก่อสร้างคืบหน้ากว่าร้อยละ 89 ในขณะที่สายส่งกำลังไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้าย่อยเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ทั้งนี้ SLG เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง Ultra-Supercritical ที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) โดยผลิตไฟฟ้าคุณภาพผ่านสายส่งกระแสไฟฟ้าแรงสูง 1,000 กิโลโวลต์ (kV) ซึ่งจะมีคุณลักษณะส่งไฟฟ้าในระยะไกลและในปริมาณมาก โดยมีอัตราความสูญเสียต่ำ อีกทั้งยังสามารถผลิตไอน้ำส่งให้ชุมชนเมืองฉางจื้อ (Changzhi) ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณที่ตั้งโรงไฟฟ้าฯ เหล่านี้ล้วนตอบโจทย์ทิศทางการพัฒนาตลาดไฟฟ้าในจีนซึ่งมุ่งเน้นเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีเสถียรภาพสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สำหรับไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีในไทยมีค่าความพร้อมจ่ายไฟ (Equivalent Availability Factor: EAF) ที่อัตราร้อยละ 100 ส่วนโรงไฟฟ้าเอชพีซีใน สปป.ลาว มีค่า EAF ที่อัตราร้อยละ 72 ซึ่งกลับมาเดินเครื่องเป็นปกติภายหลังปรับปรุงประสิทธิภาพของหน่วยผลิตที่ 3 ให้มีเสถียรภาพ และมุ่งรักษามาตรฐานค่า EAF เฉลี่ยสำหรับปีนี้ที่อัตราร้อยละ 80 ในขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 3 แห่งในจีนเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าและไอน้ำต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม

"ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ของกลุ่มบ้านปูฯ บ้านปู เพาเวอร์ฯ มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงหลักสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environmental, Social and Governance: ESG) เพื่อเพิ่มมูลค่าและรักษาสมดุลระหว่างกระแสเงินสดและผลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยล่าสุด บ้านปู เพาเวอร์ฯ เตรียมเข้าคำนวณดัชนี MSCI GLOBAL SMALL CAP INDEX นับตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งจะส่งผลดี ต่อการเพิ่มน้ำหนักลงทุนของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ เพราะสะท้อนถึงการมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง ตอกย้ำว่าบ้านปู เพาเวอร์ฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ บ้านปู เพาเวอร์ฯ ยังคงเดินหน้าสู่การขยายกำลังผลิตให้ได้ถึง 5,300 เมกะวัตต์เทียบเท่าในปี 2568 ด้วย 3 ยุทธศาสตร์ คือ 1. ผนึกพลังร่วมภายในกลุ่มบ้านปูฯ เพื่อต่อยอดการพัฒนาและดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าในประเทศที่บ้านปูฯ มีธุรกิจอยู่ เช่น สหรัฐอเมริกา 2. มุ่งแสวงหาโอกาสการลงทุนในประเทศที่มีการเติบโต ทางเศรษฐกิจและมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูงในแถบเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งผสมผสานระหว่างการลงทุน ในโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดทันที กับการลงทุนแบบ Green Field ที่ต้นทุนต่ำกว่าและสร้างกำไรได้มากกว่า โดยใช้เทคโนโลยี HELE เพื่อส่งมอบพลังงานไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพ ในราคา ที่เหมาะสม และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 3. ผลักดันการเติบโตของธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงานผ่านการลงทุนในบ้านปู เน็กซ์ เพื่อเสริมธุรกิจผลิตไฟฟ้าให้แข็งแกร่งและสอดรับกับกระแสพลังงานแห่งโลกอนาคตได้ดียิ่งขึ้น ซึ่ง 3 ยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะทำให้บ้านปู เพาเวอร์ฯ สามารถต่อยอดโอกาส ทางธุรกิจไฟฟ้าต่อไปได้ เช่น ลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา และธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในเวียดนาม เป็นต้น" นายกิรณ กล่าวปิดท้าย

ในไตรมาส 3/2563 บ้านปู เพาเวอร์ฯ มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 916 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 845 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมีรายได้รวมจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมทั้ง 3 แห่งในประเทศจีนจำนวน 972 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายไฟฟ้า และไอน้ำ สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังวิกฤตโควิด-19 บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจำนวน 637 ล้านบาท จากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี โรงไฟฟ้าเอชพีซี

เกี่ยวกับบ้านปู เพาเวอร์
บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครอบคลุมประเทศไทย สปป.ลาว จีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา บ้านปู เพาเวอร์ฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อการผลิตไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ด้วยเป้าหมายขยายกำลังการผลิตให้ได้มากกว่า 5,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 สำหรับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 52,907 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,099 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑ เม.ย. อ.อ.ป. ร่วม พิธีสรงน้ำพระ ขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2567 ทส.
๑๑ เม.ย. 1 จาก 1,159 ศูนย์การค้า เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ส่งมอบลอตเตอรี่ที่ไม่ถูกรางวัล จำนวน 125,500 ใบ ให้กับศูนย์สาธารณสงเคราะห์เด็กพิเศษ วัดห้วยหมู
๑๑ เม.ย. JPARK ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผถห. อนุมัติปันผล 0.0375 บาทต่อหุ้น
๑๑ เม.ย. สเก็ตเชอร์ส สนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อความสบายแก่บุคลากรทางการแพทย์ บริจาครองเท้ารุ่น GOwalk 7(TM) สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
๑๑ เม.ย. ศูนย์คนหายไทยพีบีเอส ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำงานเชิงป้องกัน เก็บก่อนหาย ในผู้สูงอายุ
๑๑ เม.ย. จุฬาฯ อันดับ 1 ของไทย การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย QS WUR by Subject 2024
๑๑ เม.ย. ครั้งแรกในไทย 'Pet Us' เนรมิตพื้นที่จัดกิจกรรม มะหมามาหาสงกรานต์ ชวนน้องหมาทั่วทั้ง 4 ภาคร่วมสนุกในช่วงสงกรานต์ 13-14 เมษายน ตอกย้ำความสำเร็จฉลอง 'Pet Us' ครบ 3
๑๑ เม.ย. LINE STICKER OCHI MOVE จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร คว้ารางวัลชนะเลิศ Best Sponsored Stickers in Insurance ในงาน LINE THAILAND AWARDS
๑๑ เม.ย. วว. ผนึกกำลังหน่วยงานเครือข่าย พัฒนาเชื่อมโยงการค้า ตลาด วิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
๑๑ เม.ย. บริษัท เค วัน วัน ดี จำกัด ถือฤกษ์ดีจัดพิธีบวงสรวง ซีรี่ส์ Girl's Love เรื่องใหม่ Unlock Your Love : รักได้ไหม ?