กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
นายพงศ์พินิต เดชะคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในรอบปี 2548 ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีกำไรจากการดำเนินงานถึง 10,125 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของธนาคารที่มีกำไรจากการดำเนินงานถึงหมื่นล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2547 ธนาคารสามารถบรรลุเป้าหมายด้านต่างๆ ตามแผนธุรกิจที่ได้ตั้งไว้ ซึ่งนอกเหนือจากความสามารถในการขยายรายได้จากธุรกรรมพื้นฐานคือ การขยายสินเชื่อเพิ่มสุทธิได้ตามเป้าหมาย
การที่ธนาคารสามารถบรรลุเป้าหมายต่างๆ ที่วางไว้นี้ส่งผลให้ปี 2548 ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและภาษีเงินได้ 10,125 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,443 ล้านบาท หรือ 31.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในปีนี้ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 4,100 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 1,100 ล้านบาท และมีค่าภาษีเงินได้ของสาขาต่างประเทศ 8 ล้านบาท ทำให้ธนาคารมีกำไรสุทธิ 6,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,344 ล้านบาท หรือ 28.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.10 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 28%
ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นสำหรับปี 2548 มีสาเหตุหลักจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22.4% และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 22.6% โดยมีกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 138.2% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการขายหุ้นสามัญ ซึ่งเป็นกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเงินออกไป ประกอบกับธนาคารมีกำไรจากการปริวรรต เพิ่มขึ้น 38.0% และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ เพิ่มขึ้น 17.5% นอกจากนี้กำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย และหนี้สูญได้รับคืน มีจำนวนเพิ่มขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยของธนาคารเพิ่มขึ้น 15.1% ซึ่งเป็นไปตามการขยายตัวของธุรกิจ
สำหรับเป้าหมายปี 2549 ธนาคารตั้งเป้าหมายขยายธุรกิจในทุกๆ ด้านให้เติบโตกว่าปี 2548 โดยในส่วนของการขยายสินเชื่อนั้นธนาคารตั้งเป้าขยายสินเชื่อโตสุทธิ 36,000 ล้านบาท หรือประมาณ 8% ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการนั้นธนาคารตั้งเป้าให้เติบโตประมาณ 16% ทั้งนี้คาดว่าธนาคารจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนด โดยการใช้เครือข่ายสาขาของธนาคารที่มีจำนวนถึง 491 สาขา ซึ่งธนาคารมีแผนการเปิดสาขาเพิ่มในปี 2549 อีกประมาณ 60 สาขา พร้อมตั้งเป้าจะขยายเครือข่ายเครื่องกรุงศรี ATM อีกประมาณ 500 เครื่อง ดังนั้นภายในปี 2549 ธนาคารจะมีเครื่องกรุงศรี ATM ให้บริการถึง 2,600 เครื่องทั่วประเทศ กอปรกับการใช้ประโยชน์จากการ Cross-sell ผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่มบริษัทในเครือของธนาคาร ซึ่งมีธุรกิจหลากหลายครบวงจร อาทิ ประกันภัย ประกันชีวิต ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการ กองทุนรวม ธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจ Factoring เป็นต้น
ในส่วนของการพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์นั้น ธนาคารตั้งเป้าหมายลด NPL ให้เหลือประมาณ 7.5% ในปี 2549 และยังตั้งเป้าหมายจำหน่าย NPA อีก 7,000 ล้านบาท นายพงศ์พินิต กล่าวในที่สุด--จบ--