กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--ซีเมนส์ ประเทศไทย
วันที่ 1 ธันวาคม 2548 โรงแรมเวสท์ติน แกรนด์ สุขุมวิท บริษัทซีเมนส์ ประเทศไทยแถลงผลประกอบการของปีงบประมาณ 2547/2548 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2548 ที่ผ่านมา โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 14,000 ล้านบาท (หนึ่งหมื่นสี่พันล้านบาท) ในขณะที่มียอดสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากจากเดิม 13,100 ล้านบาท (หนึ่งหมื่นสามพันหนึ่งร้อยล้านบาท) เป็น 31,700 ล้านบาท (สามหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยล้านบาท) เนื่องจากความสำเร็จของซีเมนส์ในการคว้าสัญญาในหลายโครงการในกลุ่มธุรกิจสื่อสาร พลังงาน และธุรกิจระบบขนส่ง
มร. โลธาร์ แฮร์มันน์ ประธานและหัวหน้าฝ่ายบริหารคนใหม่ของซีเมนส์ ประเทศไทย ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อเร็วๆ นี้ แถลงว่า “ปีงบประมาณ 2547/2548 ที่ผ่านมา ถือได้ว่าธุรกิจของซีเมนส์ ประเทศไทย มีความเจริญเติบโตอย่างมาก โดยเห็นได้จากยอดสั่งซื้อใหม่เพิ่มสูงถึง 31,700 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากซีเมนส์ได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบในโครงการใหญ่หลายโครงการ อาทิ โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สัญญาต่อระยะเวลาดูแลรักษาและซ่อมบำรุงระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส สัญญาการก่อสร้างโรงไฟฟ้าสงขลา โครงการโครงข่ายโทรศัพท์ 565,000 เลขหมาย รวมทั้งโครงการย่อยๆ มากมายจากธุรกิจอุตสาหกรรม”
ในส่วนของธุรกิจสารสนเทศและการสื่อสาร โดยกลุ่มสื่อสารมียอดสั่งซื้อใหม่ 10,000 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากโครงการใหญ่ 3 โครงการของ บริษัทแอ็ดวานส์ อินโฟ เซอร์วิส (AIS) ในโครงการขยายเครือข่าย GSM บริษัทแอดวานส์ ดาต้า เน็ทเวริ์ค คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ในโครงการบัดดี้ บรอดแบรนด์ (Buddy Broadband) และบริษัททีโอที จำกัด มหาชน ในโครงการขยายเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐาน 565,000 เลขหมาย ในขณะที่กลุ่มการบริการด้านธุรกิจซีเมนส์ ซึ่งเชี่ยวชาญในเรื่องโปรแกรม SAP และ โซลูชั่นด้าน e-business มียอดสั่งซื้อใหม่รวม 495.5 ล้านบาท
ในส่วนของธุรกิจระบบขนส่ง ได้รับยอดสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นถึง 12,200 ล้านบาทเป็นผลมาจาก 2 สัญญาหลัก โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา กลุ่มระบบขนส่ง ร่วมกับคอนซอร์เตียมนานาชาติเป็นผู้รับผิดชอบโครงการก่อสร้างระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อม
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link) และ สถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (City Air Terminal) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงค์ครอบคลุมระยะทาง 28 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะเชื่อมต่อใจกลางเมืองกรุงเทพกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยซีเมนส์ รับผิดชอบในส่วนของตัวรถไฟ ระบบราง ระบบจ่ายไฟฟ้า ระบบอาณัติสัญญานและระบบสื่อสาร รวมทั้งระบบเครื่องจักรกลของระบบรถไฟฟ้าทั้งหมด
นอกจากนี้ กลุ่มระบบขนส่ง ยังได้รับการต่อสัญญาการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสอีกเป็นเวลา 10 ปี จากบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด มหาชน
ในส่วนของธุรกิจอุตสาหกรรม ในภาพรวมมีผลประกอบการที่น่าพอใจในทุกกลุ่มธุรกิจย่อย ทั้งในส่วนยอดขาย และยอดสั่งซื้อใหม่ โดยยอดสั่งซื้อหลักมาจาก กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต และสายการผลิตภายในโรงงานอุตสาหกรรม อาทิ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ปูนซีเมนต์ อุตสาหกรรมเคมีและปิโตรเคมี ส่วนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบอัตโนมัติและการขับเคลื่อน ได้รับยอดสั่งซื้อสูงถึง 1 พันล้านบาท กลุ่มโซลูชั่นและการบริการสำหรับอุตสาหกรรม ได้รับยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นรวม 797 ล้านบาท กลุ่มบิลดิ้ง เทคโนโลยีส์ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์และระบบการรักษาความปลอดภัย และอัคคีภัยในอาคาร ได้รับยอดสั่งซื้อ 84.5 ล้านบาท ตามลำดับ
ในส่วนธุรกิจพลังงาน กลุ่มระบบจัดส่งและจัดจ่ายไฟฟ้า มียอดสั่งซื้อลดลงเล็กน้อย อยู่ในระดับ 1,380 ล้านบาท ในขณะที่กลุ่มระบบผลิตไฟฟ้า ได้รับรายการสั่งซื้อชุดใหญ่จากบริษัท กฟฝ. จำกัด มหาชน ในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมสงขลา ทำให้มียอดสั่งซื้อรวม 4,800 ล้านบาท
ในส่วนกลุ่มธุรกิจการแพทย์ ซึ่งประสบความสำเร็จในการเพิ่มยอดสั่งซื้อรวม 658.5 ล้านบาท เป็นผลมาจากการจำหน่ายเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์คุณภาพสูงเพื่อการตรวจและวินิจฉัยโรค เช่น เครื่อง 64 สไลด์ ซีที สแกน และเครื่อง MRIs ซึ่งมีความละเอียดสูงให้กับ สถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง นอกจากนี้ ซีเมนส์ยังได้เตรียมติดตั้งเครื่องสแกนเนอร์ เพ็ทซีที (PET/CT) ซึ่งเป็นเครื่องแรกของประเทศไทยเพื่อการตรวจวินิจฉัยมะเร็งระยะเริ่มต้น ให้กับศูนย์วิจัยศึกษาและบำบัดโรคมะเร็ง สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
มร.แฮร์มันน์ กล่าวต่อว่า “ผลประกอบการในปีงบประมาณที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ว่าซีเมนส์ มีความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจในทุกกลุ่ม เพื่อความสำเร็จระยะยาวในอนาคต” มร. แฮร์มันน์ กล่าวเสริมอีกว่า “อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณหน้า ซีเมนส์ยังคงมุ่งมั่นต่อไปในการขยายการเจริญเติบโตของธุรกิจของเรา โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น โซลูชั่นการบริหารจัดการน้ำ และการบำบัดน้ำเสีย อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมเคมี และปิโตรเคมี กลุ่มอุตสาหกรรม
ประกอบรถยนต์ รวมถึงอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ซีเมนส์ได้เปิดบริษัทสาขาแห่งใหม่ขึ้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุต เพื่อให้บริการลูกค้าในเขตอุตสาหกรรมภาคตะวันออกได้ใกล้ชิด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
“ด้วยจุดแข็งของซีเมนส์ที่ครอบคลุมธุรกิจหลายสาขา รวมทั้งมีแผนที่ต้องการมีส่วนร่วมในการลงทุนในโครงการระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้ซีเมนส์เตรียมพร้อมอย่างดีที่จะช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป“ มร.แฮร์มันน์ กล่าวสรุปปิดท้าย
ท่านสามารถหารายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท ซีเมนส์ จำกัด ได้ที่ www.siemens.co.th--จบ--