CCP เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2549 ยอดขายเพิ่ม 27.26%

พฤหัส ๑๗ สิงหาคม ๒๐๐๖ ๑๐:๐๔
กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--เจดี พาร์ทเนอร์
CCP เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2549 ยอดขายเพิ่ม 27.26% สวนกระแสภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจรับเหมา และค้าวัสดุก่อสร้างที่ชะลอตัว แต่ผลประกอบการขาดทุน เหตุหลักจากตั้งตัดค่าใช้จ่าย 3 รายการพิเศษ แต่มั่นใจธุรกิจครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้นตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัยภาคตะวันออก หลังการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิเดือนกันยายนนี้
ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี ระบุไตรมาส 2/2549 รายได้จากการขาย การให้เช่าและบริการเพิ่มขึ้น 27.26% หรือ 140.38 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปี 2548 แต่มีค่าใช้จ่ายเพื่อสำรองหนี้สงสัยจะสูญ การด้อยค่าของสินทรัพย์ และการด้อยค่าของเงินมัดจำค่าซื้อที่ดิน สูงถึง 144.69 ล้านบาท ซึ่งการด้อยค่านี้เป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว จึงเป็นเหตุให้ผลประกอบการไตรมาส 2/2549 ขาดทุนสุทธิ 163.47 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากยอดขายธุรกิจหลักซีเมนต์ผสมเสร็จที่ยังเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนการผลิต และการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออกรับการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ จึงมั่นใจว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังฟื้นตัวดีขึ้น
นายประทีป ทีปกรสุขเกษม ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ “CCP” เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2549 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย การให้เช่าและบริการรวม 655.39 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 27.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 515.01 ล้านบาท เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจซีเมนต์ผสมเสร็จตามงานก่อสร้างของภาครัฐ และยอดขายที่เพิ่มขึ้นของร้านค้าปลีกโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้าง ตกแต่ง และซ่อมแซมบ้าน “กันยงโฮมสโตร์” ที่เปิดสาขาแห่งที่ 2 ที่พัทยา และธุรกิจอิฐมวลเบา “สมาร์ทบล็อก” ซึ่งโรงงานได้เปิดดำเนินการและเริ่มจำหน่ายสินค้าได้เมื่อปลายปี 2548 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ อยู่ที่ 10.94% ลดลงจาก 13.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนวัตถุดิบด้านพลังงานที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี
นอกจากนี้ ในไตรมาส 2/2549 จากปัจจัยลบเรื่องราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และสถานการณ์ความไม่ชัดเจนทางการเมือง ที่ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างของผู้ประกอบการทุกขนาดทั่วประเทศชะลอตัวนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ในบางส่วน โดยพบว่าความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ลดลง อีกทั้งบริษัทฯ ได้ชะลอแผนการลงทุนบางส่วนไว้ ทำให้ในไตรมาส 2/2549 นี้ บริษัทฯ ต้องตั้งค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 3 รายการ รวมมูลค่าสูงกว่า 144.69 ล้านบาท ได้แก่ 1. การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ ซึ่งเกิดจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทฯ ส่งสินค้าให้ มูลค่า 92.29 ล้านบาท 2. การตั้งค่าการขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินมัดจำค่าซื้อที่ดิน 35 ล้านบาท และจากการด้อยค่าในมูลค่างานระหว่างก่อสร้างที่คลองหลวง 5.30 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการชะลอแผนการเปิดร้านค้าปลีกโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้าง ตกแต่ง และซ่อมแซมบ้านพัทยา “กันยงโฮมสโตร์” สาขาคลองหลวง ปทุมธานี 3. การตั้งค่าการขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ 12.10 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการให้เช่าพื้นที่โรงงานแก่ Big C โดยทำให้บริษัทฯ ต้องย้ายโรงงานออกไป แต่ระยะยาว บริษัทฯ จะมีรายได้ค่าเช่าเข้ามาถึง 179 ล้านบาท ในเวลา 30 ปี นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีภาระดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นจาก 18.04 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 35.81 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2549 ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นที่ใช้สนับสนุนยอดขายที่ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ และบริษัทย่อย และอัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น ผลประกอบการไตรมาส 2/2549 ของบริษัทฯ จึงขาดทุนสุทธิ 163.47 ล้านบาท หรือคิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.53 บาท เมื่อเทียบกับขาดทุนสุทธิ 21.04 ล้านบาท หรือคิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.07 บาท ในไตรมาส 2/2548 ที่ผ่านมา
สำหรับสรุปผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2549 พบว่า มีรายได้จากการขาย การให้เช่าและบริการ 1,443.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 320.97 ล้านบาท หรือคิดเป็น 28.59% จาก 1,122.73 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นขาดทุนสุทธิ 168.61 ล้านบาท หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.54 บาท เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2548 ที่กำไรสุทธิ 3.96 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.01 บาท
ทั้งนี้ ผลประกอบไตรมาส 2/2549 ของบริษัทฯ ที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2549 ที่ขาดทุนสุทธิ 5.13 ล้านบาท หรือคิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.02 บาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยภายนอกที่ยากต่อการควบคุมนั้น บริษัทฯ เห็นว่าในช่วงครึ่งปีหลังต่อจากนี้ ปัจจัยลบเหล่านั้นจะส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของบริษัทน้อยลง โดยภายหลังจากสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย อาจส่งผลให้โครงการเมกกะโปรเจกบางส่วนดำเนินไปได้ตามแผนงานที่วางไว้ในปี 2550 ประกอบกับการกลับมาของกำลังซื้อของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ภายหลังจากอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มชะลอการปรับขึ้น และที่สำคัญ การเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2549 จะก่อให้เกิดการลงทุนและโครงการอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากบริเวณพื้นที่รอบสนาม บินและจังหวัดใกล้เคียงทางภาคตะวันออก สิ่งเหล่านี้นับเป็นเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯ มียอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจซีเมนต์ผสมเสร็จ และธุรกิจร้านค้าปลีกโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้าง ตกแต่ง และซ่อมแซมบ้าน “กันยงโฮมสโตร์”
“ในครึ่งปีหลังของปี 2549 นอกจากปัจจัยบวกจากภายนอกที่จะช่วยให้ผลการดำเนินการของธุรกิจของ CCP ปรับตัวดีขึ้นแล้ว ผลจากการที่บริษัทได้ลงทุนวางระบบไอที SAP และ CDS (Central Data System) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต การบริหารจัดการคลังสินค้าและกระแสเงินสดหมุนเวียนเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าระบบดังกล่าวช่วยลดการสูญเสียในการผลิต สามารถควบคุมคุณภาพมาตรฐานสินค้า อีกทั้งเพิ่มความสามารถในการเก็บเงินได้เร็วขึ้น ทำให้การประเมินสินค้าคงคลังมีประสิทธิ-ภาพมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อระบบเงินหมุนเวียน โดยเห็นได้ชัดเจนที่สุดจากธุรกิจซีเมนต์ผสมเสร็จ อีกทั้ง บริษัทฯ เองยังสามารถประมูลรับงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ มีมูลค่างานในมือประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ถึงเดือนธันวาคม ปี 2550 สำหรับธุรกิจร้านค้าปลีกโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้าง ตกแต่ง และซ่อมแซมบ้านพัทยา ภายใต้ชื่อ “กันยงโฮมสโตร์” ผลดำเนินงานในไตรมาส 2/2549 พบว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนตามการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาและชลบุรี ประกอบกับบริษัทฯ ได้มีการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี จึงตั้งเป้าว่าในครึ่งปีหลังจะมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2549 ด้านธุรกิจอิฐมวลเบา ภายใต้ชื่อ “สมาร์ทบล็อก” ภายหลังจากบริษัทได้ยกระดับประสิทธิภาพการผลิต และพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แล้ว ในครึ่งปีหลังของปี 2549 มีแผนจะบุกตลาดสินค้าอิฐมวลเบาอย่างเต็มที่ โดยจะขยายช่องทางการกระจายและจำหน่ายสินค้าให้กว้างขวางมากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นอีกธุรกิจที่จะสร้างรายได้แก่บริษัทฯ ในครึ่งปีหลังของปี 2549” นายประทีป กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
บริษัท เจดี พาร์ทเนอร์ จำกัด
โทร (02) 661-8803-5 โทรสาร (02) 661-8813
E-mail : [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง