"บาส-ปอป้อ" ..ความสำเร็จที่ไม่มีทางลัด

ศุกร์ ๐๕ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๑ ๑๔:๕๕
ถึงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นแฟนกีฬาแบดมินตันหรือไม่ แต่คนไทยทั้งประเทศก็ได้ยินและรู้จักชื่อ"บาส-ปอป้อ" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักแบดมินตันคู่ผสมทีมชาติไทย ที่สร้างประวัติศาสตร์คว้า 3 แชมป์ติดต่อกันในสามสัปดาห์ ในการแข่งขันที่เพิ่งจบเมื่อสัปดาห์ก่อน

โดย 3 แชมป์ที่นักกีฬาคู่ผสมมือ 2 โลกชาวไทยทำได้ในครั้งนี้คือการแข่งขัน โยเน็กซ์ไทยแลนด์โอเพ่น โตโยต้าไทยแลนด์โอเพ่น และ บีดับบลิวเอฟเวิร์ลทัวร์ไฟน่อล ที่เป็นการแข่งขันแบดมินตันระดับสูงสุด เหมือนกับที่เรารู้จักรายการแกรนด์สแลมในกีฬาเทนนิส หรือ รายการระดับเมเจอร์ในกีฬากอล์ฟ

ความสำเร็จครั้งนี้ ทำให้"บาส-ปอป้อ" กลายเป็นขวัญใจและไอดอลของคนไทยจาก SCG ต่อจาก "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล โปรสาวนักกอล์ฟชื่อดัง

แต่กว่าเส้นทางของนักแบดมินตันทั้งคู่จะมาถึงจุดแห่งความสำเร็จนี้ ต้องบอกว่าไม่ได้เป็นเรื่องง่าย ไม่ได้ปูด้วยกลีบกุหลาบ และไม่มีทางลัด หากแต่มาจากการทำงานหนัก ความทุ่มเทและการเอาใจใส่จากทุกฝ่ายที่ทำงานแบบทีม โดยใครที่ชมการถ่ายทอดสด จะเห็นว่าชัยชนะล่าสุดได้มาจากการทุ่มเทที่เสียเหงื่อ เสียน้ำตาและ เสียเลือด

สำหรับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ถือเป็นผลผลิตคนแรกๆของ "เอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่" โดยเป็นหนึ่งในนักแบดมินตันรุ่นแรกของสถาบันแบดมินตันเอสซีจี นับแต่ก่อตั้งในปี 2550 หรือเมื่อ 14 ปีที่แล้ว โดยเริ่มจากเป็นนักกีฬาหญิงเดี่ยว ซึ่งก็ประสบความสำเร็จถึงขั้นเคยคว้าแชมป์หญิงเดี่ยวกีฬาโอลิมปิกเยาวชน แชมป์ระดับอาชีพรายการยูเอสโอเพ่น และเมื่อเล่นประเภทหญิงคู่ ก็เคยคว้าแชมป์ไซอัดโมอี้อินเตอร์เนชั่นแนลที่อินเดียและไทยแลนด์โอเพ่น

ส่วนในประเภทคู่ผสม ที่ "ปอป้อ" ลงเล่นกับนักกีฬาหลายคน ก่อนจะมาลงตัวกับ"บาส"เดชาพล พัววรานุเคราะห์ ที่เป็นสมาชิกของ "เอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่" รุ่นน้องคือปี 2554 และทำผลงานเป็นนักกีฬาคู่ผสมของไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยเมื่อปี 2019 ได้เข้าขิงชนะเลิศแบดมินตันชิงแชมป์โลก ก่อนที่จะแพ้ จาวซีเว่ย กับ หวงหย่าเฉียง นักแบดมินตันคู่ผสมมือหนึ่งโลก และก่อนพักการแข่งขันยาวนานเกือบ 10 เดือนเมื่อปีก่อน ก็เป็นรองแชมป์ ออลอิงแลนด์ ที่ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่สุดในโลกที่อดีตเคยถือเป็นการชิงแชมป์โลกอย่าง ไม่เป็นทางการ และเปิดฉากปีนี้ด้วยการคว้าแชมป์สามรายการในประเทศไทยจนทั่วโลกรู้จัก

สำหรับ "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ ก็เป็นผลผลิตของ "เอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่" อีกคนที่ประสบความสำเร็จมาตั้งแต่ระดับเยาวชน เมื่อจับคู่ "สกาย" กิตินุพงษ์ เกตุเรน คว้าแชมป์ชายคู่เยาวชนโลกเมื่อปี 2557 รวมทั้งเหรียญทองชายคู่ซีเกมส์เมื่อปี 2560 ด้วยชัยชนะเหนือ ออง ยิว ซิน กับ เตียว อี ยี่ ขวัญใจเจ้าภาพมาเลเซียในรอบชิงแบบสุดมัน ก่อนจะมาลงตัวเลือกเล่นเฉพาะประเภทคู่ผสมหลังจับคู่กับ "ปอป้อ"

ความสำเร็จนี้ต้องยกให้ "โค้ชโอม" เทศนา พันธ์วิศวาส หัวหน้าผู้ฝึกสอน "เอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่" ผู้หลงใหลและหลงรักแบดมินตันและตัดสินใจออกจากรั้วมหาวิทยาลัยเพื่อตามหาความฝันและประสบความสำเร็จล้นหลามทั้งในฐานะผู้เล่นและผู้ฝึกสอน

ใครที่ได้ดูการถ่ายทอดสด คงคุ้นกับชายร่างใหญ่ที่มาแนะนำและแก้เกมให้กับนักกีฬาแบบพี่สอนน้องในช่วงพักเบรกทุกครั้ง..นั่นและโค้ชโอม

ด้วยสายตาและมุมมองที่มองเห็นศักยภาพนักกีฬา "โค้ชโอม" จึงเลือกที่จะให้"บาส"มาลงเล่นเพียงประเภทคู่ผสมกับ"ปอป้อ" เนื่องจากนักกีฬาชาย หากต้องลงแข่งขันหลายประเภทจะเป็นงานหนักมาก ขณะที่"ปอป้อ" ถือเป็นการเลือกที่ลงตัว เพราะประสบการณ์ในการเป็นนักกีฬาหญิงเดี่ยว ทำให้เมื่อต้องออกมาช่วยในการยืนข้างหลัง "ปอป้อ"สามารถเปิดเกมรุกได้

ต้องขอเสริมรายละเอียดว่า"แบดมินตัน"เป็นกีฬาที่ลูกพุ่งเร็วที่สุดในโลก นั่นคือนักกีฬาชาย มีสถิติสูงสุดถึง 342 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนนักกีฬาหญิงมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 296 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่กีฬาอื่นนั้น พบว่า ลูกกอล์ฟ 310 กม./ชม. ลูกเทนนิส 270 กม./ชม. ลูกปิงปอง 250 กม./ชม. ลูกฮอกกี้น้ำแข็ง 200 กม./ชม. ลูกเบสบอล (ตี) 180 กม./ชม. ลูกเบสบอล (ขว้าง) 167 กม./ชม. ลูกฟุตบอล 150 กม./ชม. และ ลูกวอลเล่ย์บอล 115 กม./ชม.

ความเร็วของกีฬานี้ ทำให้การเล่นแบดมินตันระดับโลกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นักกีฬาคู่นี้ของไทยสามารถทำได้ดีเพราะการฝึกซ้อมมาอย่างดี บวกกับการแก้เกมร่วมกันของนักกีฬาและโค้ช ที่ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าใน แต่ละเกม หรือการเตรียมตัวมาก่อนลงสนาม

ใครที่ดูการถ่ายทอดสดรอบชิงชนะเลิศ จะเห็นว่าตอนพักเกม "ปอป้อ"บอก"บาส"ว่าคู่เกาหลีชอบเล่นแบบไหน เราจึงควรจะเล่นแบบไหน และสุดท้ายก็ทำสำเร็จ ทั้งที่เกมสอง คู่ไทยแพ้ขาดลอยถึง 8-21 จึงต้องปรับรูปแบบและแผนการเล่นเพื่อรับสภาพกับทิศทางลมในสนามที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ของลูก

ที่ต้องกล่าวถึงก็คือ เบื้องหลัง"ความสำเร็จ"ของ"บาส-ปอป้อ"ที่สำคัญที่สุดก็คือการทำงานระบบทีม หรือทำงานแบบ Team Work ของ "เอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่" ตั้งแต่ทีมวิทยาศาสตร์การกีฬา ฝ่ายโภชนาการ จนถึงเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะการแข่งขันสามรายการที่ทั้งคู่ได้แชมป์ในการแข่งขันที่ยาวนานต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม จนถึงวันที่ 31 มกราคม นักกีฬาจะต้องมีความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ กับการลงเล่นยาวนาน 3 สัปดาห์ต่อเนื่อง โดยได้พักช่วงรอยต่อแต่ละรายการเพียงวันสองวัน

สมัยก่อนมีคำกล่าวว่า "ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัวเอง" แต่ถึงวันนี้ต้องบอกว่า "ดูกีฬาแล้วนำมาพัฒนาตัวเอง" โดยเริ่มจากการเชียร์"บาส-ปอป้อ"นี่แหละ

ที่มา: เอสซีจี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง