นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน จากปัจจัยกดดันอยู่ที่การปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยของดัชนี FTSE Rebalance ซึ่งจะมีผลในวันที่ 19 มีนาคมนี้ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,530 - 1,600 จุด
อย่างไรก็ตามยังคงจับตาผลประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการจัดประชุมครม. การประชุมร่วมรัฐสภา และการแถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์แถลงส่งออก-นำเข้า และการประชุมกนง. ครั้งที่ 2/2564 ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุนในเดือนมีนาคมต่อเนื่อง
ขณะที่ปัจจัยบวก อาทิ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐลงนามในร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ อีกทั้งยังสั่งการให้รัฐต่างๆ ทั่วสหรัฐดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกคนภายในวันที่ 1 พ.ค.นี้ โดยคาดหวังว่า สถานการณ์ในสหรัฐจะกลับคืนสู่ภาวะปกติภายในวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งเป็นวันชาติของสหรัฐ และกระทรวงพาณิชย์เผยยอดการค้าชายแดนและผ่านแดนเดือน ม.ค.พุ่ง 21.90% ที่มูลค่า 1.28 แสนล้านบาท ด้านการค้าชายแดนบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 27 เดือน นักลงทุนทยอยรับปัจจัยดังกล่าวไปบ้างแล้ว
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากวัคซีนโควิด-19 ได้แก่ THG, BDMS, BCH, RAM, PRINC และVIH รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากวัคซีนพาสปอร์ต ได้แก่ AWC, MINT, CENTEL, CPN, CRC, SPA และ AOT
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,670-1,750 $/Oz โดยมีโอกาสสร้างฐานหลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามคาดว่าการรีบาวด์จะเป็นไปอย่างจำกัดเนื่องจากกองทุน SPDR ยังมีสถานะขายต่อเนื่องกว่า 117 ตันตั้งแต่ต้นปี 2564 เป็นปัจจัยกดดัน
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์