Maybank Kim Eng Research เผยรถยนต์ EV จะขายดีกว่ารถยนต์ ICEV ในปี 2578

พฤหัส ๒๒ เมษายน ๒๐๒๑ ๑๕:๐๔
อัตราการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอาเซียนปัจจุบันอยู่ที่ 4% คาดจะเร่งขยายตัวเป็น 5 เท่าแตะ 20% ภายในปี 2568 โดยมียอดขายเทียบเท่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICEV) ภายในปี 2573 และมียอดขายแซง ICEV จากปี 2578 เป็นต้นไป ไทย อินโดนีเซียและสิงคโปร์เป็นผู้นำด้านนโยบายสนับสนุน EV ในขณะที่มาเลเซียและฟิลิปปินส์ยังคงล้าหลัง เพื่อใช้ประโยชน์จากเทรนด์ EV ที่กำลังมา อาเซียนควรดึงดูดการลงทุนใน EV จากจีนและร่วมเป็นหุ้นส่วน EV ที่มีศักยภาพ

กัวลาลัมเปอร์ - Maybank Kim Eng Research ("MKE Research") เปิดเผยรายงานบทวิเคราะห์ล่าสุด โดยระบุว่า ยานยนต์ไฟฟ้า (EVs) ตั้งเป้ายอดขายเทียบเท่ากับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICEV) ในอาเซียนภายในปี 2573 และแซงหน้า ICEV จากปี 2578 เป็นต้นไป

การเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียนอยู่ที่ 4% ในปี 2563 อย่างไรก็ตาม ด้วยตลาดของกลุ่มขับเคลื่อน 4 ล้อ (4W) อยู่ที่ 40 ล้านคัน และกลุ่มขับเคลื่อน 2 ล้อ (2W) อยู่ที่ 220 ล้านคัน ตามลำดับ คาดว่า EV จะเติบโตขึ้น 5 เท่า เป็น 20% ภายในปี 2568 โดยประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซียถือเป็นตลาด 4W ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ในแง่ของยอดขาย โดยครองส่วนแบ่งตลาด 75% ในขณะเดียวกันก็เป็นศูนย์กลางการผลิตในอาเซียนด้วย

ส่วนในกลุ่ม 2W ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซียมีส่วนแบ่งตลาดที่สูงถึง 99% ในแง่ของยอดขาย Liaw Thong Jung รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย ของ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มาเลเซีย กล่าวว่า "ไทย อินโดนีเซียและสิงคโปร์ยังคงนำหน้ากลุ่ม ในแง่ของการพัฒนานโยบายที่เป็นมิตรกับ EV ในทางกลับกัน ผู้บริโภคชาวมาเลเซียค่อนข้างให้ความสำคัญเรื่องของราคา และนิยมรถยนต์ประจำชาติ ในขณะที่ฟิลิปปินส์ชอบรถจักรยานยนต์มากกว่า โดยการอุดหนุนน้ำมันเชื้อเพลิงในสองประเทศดังกล่าวนี้ยังมีส่วนทำให้ผู้บริโภคชื่นชอบรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในมากกว่าอีกด้วย และในภูมิภาคอาเซียน เราคาดว่ารถยนต์ขับเคลื่อน 2W จะออกมาเร็วกว่ากลุ่ม 4W" เขากล่าวเสริม

ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญสำหรับ EV ในอาเซียน ได้แก่ ต้นทุนที่ลดลง ความชอบของผู้บริโภค สำหรับไลฟ์สไตล์ที่เน้นพลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ตลาดยานยนต์ในอาเซียนยังคงให้ความสำคัญกับ ICEV เป็นอย่างมาก เนื่องจากการใช้ EV ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีอัตราการขยายตัวต่ำกว่า 1% ในตอนนี้

สิงคโปร์  :

เรามองว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่มองการณ์ไกลมากที่สุดและเร็วที่สุดในการรองรับ e-mobility โดยประเทศมุ่งมั่นที่จะยุติการผลิต ICEV ภายในปี 2583

ไทย  :

ประเทศไทยกำลังเร่งการนำ EV มาใช้ โดยย่นระยะเวลาคาดการณ์ล่วงหน้า (การผลิตและการใช้งานในประเทศ) ให้เร็วขึ้น 5 ปีจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ โดยตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ของอาเซียนภายในปี 2568

อินโดนีเซีย :

อินโดนีเซียมีนโยบาย EV ที่ชัดเจนและเป็น FDI ที่สนับสนุน EV โดยประเทศได้เน้นย้ำถึงความตั้งใจที่จะยุติการผลิต ICEV ภายในปี 2578 โดยมีปริมาณนิกเกิลสำรองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่

เวียดนาม  :

Vinfast ผู้ผลิต EV ที่สำคัญของเวียดนาม (ผลิตยานยนต์ สกูตเตอร์ รถบัส) พร้อมที่จะส่งออกรุ่นต่างๆ ไปทั่วโลก

ความท้าทายที่จะมาขัดขวางการเร่งนำ EV มาใช้ ได้แก่ ราคาที่จับต้องได้ ระยะเวลาในการชาร์จ ระยะทางต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง  ความน่าเชื่อถือ และความพร้อมใช้งานของสถานีชาร์จ รวมถึงตัวเลือกต่างๆ ของรถยนต์  EV ในรุ่นต่างๆ นโยบายของรัฐบาลในรูปแบบของสิ่งจูงใจสามารถสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงด้านราคา EV ให้สามารถจับต้องได้ ในขณะเดียวกัน บริษัทผู้รับจ้างผลิตสินค้า (OEM) ต้องเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ในแง่ของความน่าเชื่อถือของแบตเตอรี่และเทคโนโลยี

ในบรรดานโยบายและสิ่งจูงใจที่รัฐบาลสามารถพิจารณาเพื่อเพิ่มความต้องการให้กับ EV ได้แก่ แรงจูงใจทางการเงินที่เกิดขึ้นประจำ เช่น ภาษีน้ำมันหรือราคาไฟฟ้าแบบไดนามิก สิ่งจูงใจทางการคลังแบบครั้งเดียว เช่น การยกเว้นภาษีหรือการกำหนดราคาคาร์บอน และสิ่งจูงใจที่ไม่ใช่การคลัง เช่น การเรียกเก็บเงินค่าโครงสร้างพื้นฐาน การเข้าถึงช่องทางพิเศษ ที่จอดรถฟรี การยกเว้นค่าผ่านทางและการเข้าถึงเขตการปล่อยมลพิษต่ำ

ดังนั้น เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เทรนด์ EV กำลังมา อาเซียนควรมองไปที่การดึงดูดการลงทุน EV ของจีนและการร่วมเป็นหุ้นส่วน EV ที่มีศักยภาพ ซึ่งจีนมีโมเดล EV ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว พร้อมห่วงโซ่คุณค่าที่สมบูรณ์และบริษัท EV ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ซึ่งอาเซียนสามารถเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนพวงมาลัยขวาให้กับจีนได้อีกด้วย

 

ที่มา: บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๓๑ ต่างชาติเที่ยวไทยพุ่งกว่า 11 ล้าน นักท่องเที่ยวจีนยืน 1 กว่า 2 ล้านคน ส่งผลงาน Food Hospitality Thailand เนื้อหอม ล่าสุด 2 งานแสดงสินค้าใหญ่จีนขอร่วมจัด พร้อมยกระดับงานปีนี้เป็น Thai Tourism
๑๐:๔๕ ท่องเที่ยวกลางแจ้ง (Outdoor) จุดแข็งใหม่ท่องเที่ยวไทย ทำธุรกิจเกี่ยวข้องขยายตัว 30%
๑๐:๕๓ AIRAเดินหน้าสยายปีกธุรกิจ ก้าวสู่กลุ่มบริษัททางการเงิน Non-Bank และอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ
๑๐:๔๔ GFC ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ดีเดย์เปิด 2 สาขาใหม่ พระราม 9 อินเตอร์เนชั่นแนล - อุบลราชธานี Q3/67
๑๐:๒๕ สัมผัสเสน่ห์อันน่าหลงใหลแห่งดินแดนไซบีเรียกับหมอนหนุนขนห่าน Celestia Siberian Goose Down
๑๐:๕๐ พีดีเฮ้าส์นำ 360? Virtual Tour ช่วยเพิ่มยอดขาย ชมแบบบ้านเสมือนจริงตอบโจทย์ยุคดิจิทัล
๑๐:๓๙ หลักทรัพย์ธนชาต ชี้การลงทุนช่วงครึ่งปีหลัง 2567 เป็น โอกาส ในการลงทุนจากหลายปัจจัยบวก ทั้งภาคการท่องเที่ยวที่โตต่อเนื่อง การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรัฐบาล และมาตรการ Digital Wallet
๐๙:๔๔ เอสซีจี โชว์นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน สร้างสมาร์ทลีฟวิง ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่ดีกว่า
๐๙:๔๓ โออิชิ อีทโตะ ชวนลองของใหม่ แซนวิชดับเบิ้ลปูอัด เติมพลัง เต็มอิ่ม ได้ทุกเวลา
๐๙:๐๗ สุดปัง !!! กระแสดีไม่มีตก วัฒน์ ศิวดล เปิดตัวเพลงใหม่ เทิงเฒ่าเทิงบ่สดใส เอาใจแม่ฮักแฟนเพลง ประเดิมจัดเต็มบนเวทีคอนเสิร์ตในรอบหลายปี