นายญนน์ กล่าวว่า "Digital Factoring Platform เป็นแพลตฟอร์มฯ ภายใต้โครงการแซนด์บ็อกซ์ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง เซ็นทรัล รีเทล (CRC) และ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) โดยการนำข้อมูลการทำธุรกิจของซัพพลายเออร์และคู่ค้าเบื้องต้นกว่า 4,000 ราย ของ เซ็นทรัล รีเทล เพื่อใช้ประกอบในการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารกสิกรไทย แพลตฟอร์มนี้ทำให้ธนาคารฯ สามารถพิจารณาปล่อยสินเชื่อได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพบนต้นทุนและความเสี่ยงที่ต่ำ และยังอำนวยความสะดวกให้ SME สามารถชำระหนี้ผ่านช่องทางดิจิทัลด้วยการหักผ่านบัญชีรายรับที่ได้จากผู้ประกอบการค้าปลีก ซึ่งถือว่าเป็นแพลตฟอร์มฯ ที่ทำให้ ซัพพลายเออร์และคู่ค้าได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน และสามารถสร้างแต้มต่อให้ SME ไทยอย่างแท้จริง"
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และ ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า "การร่วมมือกันระหว่างธนาคารกสิกรไทยกับเซ็นทรัล รีเทล เราสามารถช่วยเหลือ SME ในการให้สินเชื่อซอฟท์โลนและได้รับอนุมัติสินเชื่อกลุ่มแรกกว่า 5,000 ล้านบาท ให้กับ SME กว่า 1,000 ราย ซึ่งกว่า 70% ของ SME และกลุ่มนี้ยังไม่เคยเข้าถึงซอฟท์โลนมาก่อน โดยได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย มีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันเต็มวงเงิน และกำหนดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ต่อปีในช่วง 2 ปีแรก มีระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 7 ปี และสามารถพักชำระเงินต้นสูงสุด 24 เดือน และยังได้รับยกเว้นชำระเงินต้นและดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก นับตั้งแต่วันเบิกเงินกู้งวดแรก นอกจากนี้จะมีการขยายผลโครงการแซนด์บ็อกซ์ไปยังธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารออมสิน ซึ่งถือเป็นหลักชัยสำคัญที่จะเปิดทางไปสู่การขยายผลความสำเร็จเพื่อช่วยเหลือ SME ไทยอย่างต่อเนื่อง"
"หอการค้าไทยมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ไทย ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดนี้ เราลงมือทำทันทีและทำให้เกิดขึ้นได้จริง ภายในระยะเวลาอันสั้น ผมมั่นใจว่าจะมีผู้ประกอบการ SME ได้รับอนุมัติสินเชื่อซอฟท์โลนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ภารกิจ 99 วัน ตามนโยบาย Connect the Dots ของหอการค้าไทย ที่มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการช่วยผู้ประกอบการ SME ไทย และหลังจากนี้ จะนำแซนด์บ็อกซ์ต้นแบบนี้ ขยายผลไปยังสมาชิกของหอการค้าฯ ทุกจังหวัด และธนาคารพาณิชย์ของรัฐและเอกชน เพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการ SME มากกว่า 500,000 ราย ครอบคลุมทั่วประเทศ" นายญนน์ กล่าว
ที่มา: หอการค้าไทย