แคมเปญ "Turn Down the Heat" ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือของเอปสันและเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก มุ่งกระตุ้นให้องค์กรธุรกิจและบุคคลทั่วไปตระหนักถึงบทบาทในการลดผลกระทบของภาวะโลกร้อน โดยอ้างอิงจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุว่าชั้นดินเยือกแข็งคงตัว หรือ เพอร์มาฟรอสต์ (permafrost) บริเวณขั้วโลกเหนือกำลังละลายและมีการคาดการณ์ว่าจะละลายจนหมดภายในปี พ.ศ. 2643 ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในระบบนิเวศ ระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะสูงขึ้น และจะมีก๊าซมีเทนถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศมากกว่า 9.5 แสนล้านตัน
ดร.เคที วอลเทอร์ แอนโธนี นักสำรวจของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ได้ร่วมถ่ายทอดข้อมูลที่ได้จากการลงพื้นที่ศึกษาในทวีปอาร์กติก บริเวณอลาสก้า และรัสเซีย เกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งข้อมูลการวิจัยที่ระบุถึงความสำคัญในการรักษาสภาพของชั้นดินเยือกแข็งคงตัวสามารถรับชมได้ทางเว็บไซต์ https://www.epson.co.th/heat-free
ดร.แอนโธนี กล่าวว่า "ทวีปอาร์กติกกำลังละลายลงเรื่อยๆ ในขณะนี้ และคาดว่าชั้นดินเยือกแข็งคงตัวที่ละลายจะเป็นสาเหตุให้โลกร้อนขึ้นอีก 10% ภายในศตวรรษนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั้งโลกไม่ใช่แค่ทวีปอาร์กติก สิ่งที่ทุกคนทำในชีวิตประจำวันรวมถึงหรือเทคโนโลยีต่างๆ ในปัจจุบัน ต่างส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเสมอ"
เอปสันตระหนักดีว่าการลดการใช้พลังงานเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยลดการเกิดภาวะโลกร้อน แต่เทคโนโลยีในปัจจุบันส่วนมากกลับใช้พลังงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งในสำนักงานหรือในบ้าน และเอปสันในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์ระดับโลก จึงได้มุ่งมั่นพัฒนาเครื่องพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Free ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ใช้ความร้อนในขั้นตอนการพิมพ์งาน ทำให้ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีการพิมพ์อื่นๆ และยังมีชิ้นส่วนหรืออะไหล่ภายในตัวเครื่องที่น้อยกว่ารวมถึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ทำให้สามารถช่วยลดปริมาณขยะที่เกิดจากวัสดุสิ้นเปลืองและการซ่อมบำรุงได้มากกว่าอีกด้วย
นายยาซึโนริ โอกาวา ประธานไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "ความยั่งยืนคือหัวใจของทุกสิ่งที่เราทำที่เอปสัน บริษัทฯ ไม่เพียงแต่มุ่งมั่นที่จะลดการสร้างภาระให้กับสิ่งแวดล้อม แต่ยังพยายามช่วยให้ผู้ใช้งานสินค้าของเอปสันทำได้เช่นเดียวกัน เอปสันหวังที่จะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก ด้วยความร่วมมือจากลูกค้าและพาร์ทเนอร์ ผ่านเทคโนโลยีของเรา"
ที่มา: PRpedia Co., Ltd.