ธนาคารทิสโก้สวนกระแส ชี้หุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจใกล้จบรอบ - ปลื้มหุ้นไบโอเทคขึ้นแรงตามคาด

อังคาร ๐๘ มิถุนายน ๒๐๒๑ ๑๕:๔๑
นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Nattakrit Laotaweesap, Head Of Wealth Advisory of TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาหุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่มาก ขณะเดียวกันธนาคารทิสโก้ยังคงเดินหน้าแนะนำให้ลูกค้าลงทุนในหุ้นนวัตกรรมการแพทย์ (Innovative Healthcare) โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีทางชีวภาพ (Biotechnology) อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นหุ้นกลุ่ม Defensives (หุ้นปลอดภัย) ที่ผลประกอบการค่อนข้างเสถียร และไม่แปรผันตามวัฏจักรเศรษฐกิจ เนื่องจากประเมินว่าในอนาคตยังมีความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและสภาพคล่องในระบบรออยู่มาก

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทางชีวภาพยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น อย่างล่าสุด องค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐฯ ได้อนุมัติยารักษาโรคอัลไซเมอร์ ชื่อว่า Aducanumab ของบริษัท Biogen บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ ซึ่งหลังจากมีข่าวดีออกมา ทำให้เพียงวันเดียวราคาหุ้น Biogen ทยานรับข่าวไปถึง 38.34% ไปอยู่ที่ 395.85 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น นี่ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของหุ้น Biotechnology ที่ราคาหุ้นมักจะปรับขึ้นแรงเมื่อมีข่าวดีเรื่องการอนุมัติยา และการควบรวมกิจการเกิดขึ้น

"ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มวัฏจักร (Cyclical Stocks) เช่น กลุ่มสถาบันการเงิน (Financials) กลุ่มพลังงาน (Energy) กลุ่มอุตสาหกรรม (Industrials) ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ตามการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ และสภาพคล่องในระบบที่ยังคงมีอยู่มาก ทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนเริ่มให้ความสนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าว แต่ในมุมมองของธนาคารทิสโก้ประเมินว่า ในช่วงครึ่งปีหลังหุ้นกลุ่มวัฏจักรอาจจะไม่ใช่ผู้นำในด้านการสร้างผลตอบแทนอีกต่อไป เพราะการเติบโตของเศรษฐกิจน่าจะเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเริ่มส่งสัญญาณลดการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบในเดือนสิงหาคมนี้ " นายณัฐกฤติกล่าว

ทั้งนี้ ธนาคารทิสโก้มองว่า หุ้นกลุ่มวัฏจักรน่าจะใกล้หมดรอบขาขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะปัจจัยหนุนด้านเศรษฐกิจและสภาพคล่องจากธนาคารกลางสำคัญต่างๆ จะเริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจากการรวบรวมความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดย Bloomberg พบว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า GDP ของสหรัฐฯ จะขยายตัวสูงสุดในไตรมาส 2 ที่ 9.0% และจะชะลอตัวลงในช่วงที่เหลือของปีเป็น 6.5% และ 4.6% ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่หมดลง หลังจากกระจายฉีดวัคซีนป้องกัน COVID - 19 จนคาดว่าจะเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะเดียวกันธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะเริ่มส่งสัญญาณลดการอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อแตะเบรกเงินเฟ้อ ในการประชุม Jackson Hole ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ นอกจากนี้ ปัจจัยด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ยังสร้างแรงกดดันต่อกำไรของบางบริษัทในหุ้นกลุ่มวัฏจักรอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนจากความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารทิสโก้ยังคงแนะนำให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนในหุ้นกลุ่มวัฏจักรมาเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensives โดยเฉพาะธุรกิจเทคโนโลยีทางชีวภาพ (Biotechnology) ซึ่งในช่วงที่ COVID-19 ระบาด ธุรกิจเทคโนโลยีทางชีวภาพเข้ามามีบทบาทอย่างมากทั้งการคิดค้นวัคซีนและยาที่ใช้ในการรักษา นอกจากนี้ ยังยารักษาโรคอื่นๆ อยู่ในระหว่างการวิจัยกว่า 7,000 รายการ

สำหรับหุ้นกลุ่ม Healthcare จะพบว่า มี 2 ชาติมหาอำนาจ คือ สหรัฐฯ และจีน ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลกตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันการลงทุนด้านวิจัยพัฒนายาตัวใหม่ก็นับว่าบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ยังเป็นประเทศที่มีเม็ดเงินลงทุนมากที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าเงินลงทุนมากกว่านอกสหรัฐฯ ถึง 2 เท่า และยังสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จีนก็เริ่มมีบทบาทอย่างมากในเทคโนโลยีด้านนี้ เห็นได้จากความสามารถในการคิดค้นวิจัยและผลิตวัคซีนสำหรับ COVID-19 ที่เป็นที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินทั้ง Sinopharm และ Sinovac นอกจากนี้ ความก้าวหน้าทางการแพทย์ของจีนกำลังติดอันดับโลกภายใต้ธีม "Healthy China 2030 Plan" ที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำระดับโลกด้านการผลิตยารักษาโรคด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ (Innovative Drugs) โดยมีเป้าหมายให้บริษัทยากว่า 100 บริษัท มีผลิตภัณฑ์ยาที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงสนับสนุนการทำวิจัยพัฒนา (R&D) ยาจีนและยาที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechology)

ทั้งนี้ ในปี 2568 จีนคาดหวังว่าจะส่งออกยารักษาโรคไปยังประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ทำให้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรม Healthcare ของจีนเติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกราว 13% ต่อปีและยังมีแนวโน้มที่ยังเติบโตได้ต่อเนื่องในอนาคต

ที่มา: ธนาคารทิสโก้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๒:๑๔ องค์การบรรจุภัณฑ์โลก จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์
๑๒:๑๒ การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลรายการ King Power International Ladies' Polo Tournament 2024
๑๒:๔๔ DEXON ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 700 ลบ. โชว์ Backlog เฉียด 280 ลบ. ล็อคมาร์จิ้น 35-40%
๑๒:๑๐ JPARK ร่วมงาน Dinner Talk ผู้บริหารจดทะเบียนพบนักลงทุน จ.ราชบุรี
๑๒:๒๓ นีเวีย ซัน และ วัตสัน จับมือต่อปีที่สองชวนดูแลท้องทะเล กับโครงการ เพราะแคร์ จึงชวนแชร์ ร่วมพิทักษ์รักษ์ทะเลไทย
๑๒:๕๗ Cloud เทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัว เพียงแค่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
๑๒:๒๘ โรยัล คานิน ร่วมกับ เพ็ทแอนด์มี จัดงาน Royal Canin Expo 2024: PAWRENTS' DAY เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา
๑๒:๑๐ STEAM Creative Math Competition
๑๒:๔๔ A-HOST ร่วมวาน MFEC Inspire ขึ้นบรรยายพร้อมจัดบูธ Cost Optimization Pavilion
๑๒:๔๗ ฟินเวอร์! ส่องความคิ้วท์ 'ฟอส-บุ๊ค' ควงคู่ร่วมงาน Discover Thailand เสิร์ฟโมเมนต์ฉ่ำให้แฟนๆ ได้ดับร้อนกันยกด้อมรับซัมเมอร์ และร่วมส่งต่อความสุขในกิจกรรม 'Exclusive Unseen Food Trip กับ คู่ซี้