รายงานดังกล่าววิเคราะห์และประเมินสถานะการป้องกันและควบคุมโรคระบาดในปัจจุบันของ 51 ประเทศโดยอ้างอิงตัวบ่งชี้ 5 ประการ ได้แก่ ยอดผู้ติดเชื้อสะสม ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ยอดผู้เสียชีวิตสะสม ยอดฉีดวัคซีน และวงจรการแพร่ระบาดจนถึงการควบคุมโรค ณ วันที่ 14 กรกฎาคม
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า สหรัฐอเมริกาทำผลงานได้แย่ที่สุดใน 3 จาก 5 ตัวบ่งชี้ โดยสหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 34 ล้านราย ซึ่งสูงที่สุดในโลก และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 600,000 ราย ซึ่งสูงที่สุดในโลกเช่นกัน ส่วนจำนวนวันที่มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 5,000 รายต่อวันตลอดวงจรการแพร่ระบาดจนถึงการควบคุมโรคมีเพียง 62 วัน ซึ่งแย่ที่สุดในประเทศตัวอย่าง
ข้อมูลยังระบุด้วยว่า สถานการณ์ในประเทศยุโรปยังไม่สู้ดีนัก โดยฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และอิตาลี ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อสะสมและยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ในระดับสูง
ส่วนในเอเชียนั้น บางประเทศสามารถป้องกันและควบคุมโรคได้ดีเพราะมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพ เช่น การสั่งห้ามเข้าประเทศ การกักตัว และการตรวจเชื้อบริเวณชายแดนอย่างเข้มงวด โดยจีนมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำที่สุดในประเทศตัวอย่าง และมียอดฉีดวัคซีนสูงสุดในโลก ขณะที่สิงคโปร์และเวียดนามมียอดผู้เสียชีวิตสะสมต่ำที่สุดในประเทศตัวอย่าง ส่วนเกาหลีใต้ได้ปรับระดับการตอบสนองต่อโรคระบาดให้รวดเร็วขึ้น จนยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 5,000 รายต่อวันนานถึง 537 วัน
ในแง่ของยอดฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จีนเป็นหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาเพียงไม่กี่ประเทศที่มียอดฉีดวัคซีนสูงสุด เพราะมีความสามารถในการพัฒนาและผลิตวัคซีนด้วยตัวเอง ปัจจุบัน จีนฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 1.4 พันล้านโดส นอกจากนั้นยังมอบสารละลายเข้มข้นและวัคซีนโควิด-19 กว่า 500 ล้านโดสให้แก่องค์กรระหว่างประเทศและประเทศต่าง ๆ กว่า 100 แห่งทั่วโลก หรือเท่ากับ 1 ใน 6 ของการผลิตวัคซีนทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสถิติบ่งชี้ว่าความก้าวหน้าในการฉีดวัคซีนในประเทศกำลังพัฒนาย่ำแย่กว่ามากเมื่อเทียบกับในประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากความไม่เท่าเทียมในการกระจายวัคซีนทั่วโลก โดยประเทศที่มีการฉีดวัคซีนน้อย เช่น เวียดนามและอิรัก ยังคงห่างไกลจากการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เนื่องจากมีข้อจำกัดมากมาย เช่น บริการสุขภาพที่ย่ำแย่และการกักตุนวัคซีนในประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศ
ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อ ยอดผู้เสียชีวิต และยอดฉีดวัคซีนที่แตกต่างกันในประเทศและดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลก มีความสัมพันธ์อย่างมากกับมาตรการและนโยบายป้องกันและควบคุมโรคระบาดของแต่ละประเทศ และตอกย้ำว่ารัฐบาลประเทศต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด