นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ ก.พ.ร กล่าวว่า รางวัลเลิศรัฐเป็นรางวัลที่มอบให้แก่หน่วยงานที่ทุ่มเทพัฒนาการให้บริการ ซึ่งปี 2563 ผลงาน Thai Reach ไทยฤทธิ์ พิชิตความพิการ ได้รับรางวัล Best of the Best สาขาบริการภาครัฐ ซึ่งเป็นการพัฒนานวัตกรรมการสร้างกายอุปกรณ์มือเทียมด้วยการใช้ 3D Printing ที่มีคุณค่า สร้างโอกาสให้คนพิการได้ใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ จึงเป็นโอกาสที่ดีและเป็นตัวอย่างของความท้าทายที่จะต่อยอดขยายผลเพื่อชี้ให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะช่วยสิ้นสุดความพิการหรือสร้างโอกาสในการมีความสุขอย่างเท่าเทียม
ในช่วงของการบรรยายนายแพทย์วีระศักดิ์ อนุตรอังกูร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิรินธร จังหวัดขอนแก่น ได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของโครงการ Thai reach: ไทยฤทธิ์ พิชิตความพิการ ที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มก่อการดี กลุ่มก่อการดีสากลและมูลนิธิสายใจไทย ซึ่งริเริ่มนำเทคโนโลยี 3D มาใช้ผลิตแขนเทียม โดยนำมาใช้กับผู้ป่วยโรคเรื้อนในพื้นที่ และขยายสู่ผู้พิการและผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันโครงการผลิตกายอุปกรณ์มากกว่า 300 ชิ้น จัดพิมพ์ชุด PPE มากกว่า 2,000 ชิ้น รวมถึงมีการสร้างเครือข่าย กระจายองค์ความรู้ทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติ
จากนั้น ดร. ธนาพร เต็งรัตนประเสริฐ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ได้กล่าวถึงความสำเร็จของโครงการ Thai reach เกิดจากการมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มีการสนับสนุนจากอาสาสมัคร โดยมีถ่ายทอดทักษะ และขยายผลสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้มีความท้าทายในการสร้างความร่วมมือระหว่างบุคคล พัฒนาบุคคลจนสามารถให้ผู้พิการหรือเจ้าหน้าที่ภาคส่วนต่าง ๆ สามารถพัฒนากายอุปกรณ์ได้ด้วยตนเอง
ด้านนายแพทย์ธนะสิทธิ์ ก้างกอน โรงพยาบาลชลบุรี ได้เล่าถึงการนำเทคโนโลยี 3D มาใช้ในการแพทย์ว่าสามารถช่วยลดค่าใช้จ่าย เวลา และผลแทรกซ้อนจากการผ่าตัด สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้หลายสาขา ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแพทย์ในอนาคต รวมถึงได้เสนอแนวทางการพัฒนาให้ยั่งยืน โดยให้ผู้มารักษาที่ต้องใช้ 3D Printing สามารถเบิกจ่ายค่ารักษาได้ รวมไปถึงการลดหย่อนภาษีนำเข้าเครื่องพิมพ์ 3D ด้วย
ส่วนนางณฐอร อินทร์ดีศรี จากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ได้นำเสนอถึงการดูแลผู้พิการให้สามารถเข้าถึงสิทธิต่าง ๆ ขจัดอุปสรรคในการอยู่อาศัย การเดินทาง การเข้าถึงสิทธิด้านสุขภาพ การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งแขนเทียม จาก 3D Printing นี้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการ รวมไปถึงนายเอกภพ รุจิระประภาส บริษัท Astride Bionic ที่ได้นำเสนอถึงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมหุ่นยนต์ในหลายรูปแบบเพื่อทดแทนสรีระของมนุษย์ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้พิการ
ต่อจากนั้นเป็นการเสวนาแนวทางการสร้างเครือข่ายการพัฒนาเทคโนโลยี 3D เพื่อผู้พิการและการแพทย์ โดยสรุปสาระสำคัญได้ว่า เทคโนโลยี 3D หรือนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์ เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาระบบราชการ เพราะเป็นการสร้างการเข้าถึงงานบริการภาครัฐให้มากขึ้น รวมถึงเป็นการพัฒนาการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะ ความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอาชีพ เพื่อให้ผู้ที่มีความพิเศษแตกต่างเหล่านั้นได้เข้าถึงกายอุปกรณ์ได้มากขึ้น หรือการเป็นผู้ที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในสังคม สำหรับภาคเอกชนมองว่าเทคโนโลยีดังกล่าว ส่งเสริมให้ผู้รับบริการสามารถมีส่วนในการออกแบบอุปกรณ์ร่วมกับผู้พัฒนา ทำให้เกิดความพึงพอใจและใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด อย่างไรก็ตาม ปัญหาอุปสรรคของการสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน คือ การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และการสร้างความเชื่อว่าจะทำอย่างไร ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเห็นถึงประโยชน์ร่วมกันในการพัฒนาเครือข่ายเทคโนโลยี 3D โดยมีแนวทางในการสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้น ได้แก่ 1) การสร้างการรับรู้ร่วมกัน 2) มีหน่วยงานกลางในการเชื่อมประสานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน 3) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ และ 4) การส่งเสริมทุนวิจัยในการพัฒนาผู้พิการ ทั้งนี้ ภาคเอกชนมีความสนใจในการเข้าไปช่วยเหลือพัฒนาร่วมกับภาครัฐ เพียงแต่ยังขาดช่องทางและการเชื่อมประสาน โดยในส่วนของภาครัฐเองต้องการความเชี่ยวชาญจากภาคเอกชนในการต่อยอดนวัตกรรม ดังนั้น การมีกิจกรรมในวันนี้จึงเป็นเสมือนการจุดประกายสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนานวัตกรรมให้แก่ผู้พิการ
ทั้งนี้ สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ Facebook Fanpage กพร OPDCและสามารถดาวน์โหลดเอกสารที่นี่ https://drive.google.com/drive/folders/1vDD-yoqRPVwrdGHSXBdZnKxfGVikjEKV?usp=sharing
ที่มา: PR Freelance