- สำหรับในฝั่งของอุปสงค์กระท่อมที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง แม้จะมีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมปลายน้ำที่กระท่อมสามารถมีโอกาสเข้าไปทำตลาดได้จะมีแนวโน้มเติบโตทั้งในและต่างประเทศในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ยา อาหารเสริม และเครื่องสำอาง แต่ก็นับว่ายังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก เพราะยังอยู่ในช่วงทดสอบตลาดในปัจจุบัน โดยมีการประเมินว่า มูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์ปลายน้ำในประเทศที่ประกอบไปด้วยอุตสาหกรรมอาหารฟังก์ชั่นนัลฟู้ด (Functional Food) เครื่องดื่มชูกำลัง และสมุนไพร จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยในช่วงปี 2564-2568 ที่ราวร้อยละ 1.0-3.1 และมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์ปลายน้ำในต่างประเทศที่ประกอบไปด้วยอุตสาหกรรมยาลดปวด เครื่องสำอาง และเครื่องดื่มชูกำลัง จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยในช่วงปี 2564-2568 ที่ราวร้อยละ 3.6-6.4 ล้วนเป็นตลาดที่กระท่อมมีโอกาสเข้าไปได้ ทั้งนี้ แม้จะมีการคาดการณ์ตัวเลขดังกล่าว แต่จะไม่สามารถใช้เป็นเครื่องชี้วัดได้ เพราะในที่สุด คงต้องขึ้นอยู่กับระดับการตอบรับของตลาดกลางน้ำและปลายน้ำที่ใช้วัตถุดิบจากกระท่อมเป็นหลัก ถ้าหากตลาดมีการตอบรับที่ดี ก็มีความเป็นไปได้ว่าในระยะข้างหน้าตัวเลขอาจใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ แต่หากตลาดตอบรับไม่ดี ก็อาจส่งผลต่อตัวเลขให้แย่ลง ซึ่งจะกระทบต่อภาพการผลิตกระท่อมต้นน้ำได้
อย่างไรก็ดี แม้จะเห็นตัวเลขการเติบโตของอุตสาหกรรมปลายน้ำดังกล่าวในระยะข้างหน้า แต่ก็นับว่าเป็นอัตราการเติบโตที่ไม่สูงนัก และคาดว่ากระท่อมอาจเข้าไปมีส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ในสัดส่วนไม่มาก เนื่องจากความไม่ง่ายในการเจาะตลาดปลายน้ำของกระท่อม ซึ่งเป็นตลาดที่แคบเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เช่น ผู้บริโภคที่ต้องการความกระปรี้กระเปร่า ผู้ป่วยที่ต้องการยาลดความเจ็บปวด เป็นต้น ตลอดจนการรับรู้ของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์กระท่อมซึ่งเคยเป็นยาเสพติดมาก่อนยังมีไม่มากนัก รวมถึงผู้บริโภคต้องมีความรู้พอสมควรในสรรพคุณพืชกระท่อม ทำให้ผู้ประกอบการปลายน้ำอาจต้องมีการทำการตลาดพอสมควร อีกทั้งราคาขายที่น่าจะสูงกว่าสินค้าทดแทนอื่นๆ ล้วนเป็นปัจจัยกดดันที่ทำให้ราคากระท่อมในระยะข้างหน้าอาจปรับตัวลดลงแรงเมื่อเทียบกับในปัจจุบัน ยกเว้นว่าอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำจะได้รับการตอบรับและแข็งแรงมากพอ จึงจะสามารถช่วยให้ราคากระท่อมสดต้นน้ำยืนระดับดีได้ต่อเนื่อง ดังนั้น ด้วยอุปสงค์ที่มีความไม่แน่นอนสูง จึงอาจต้องมีการประเมินภาพธุรกิจกระท่อมเป็นระยะๆ
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สำหรับเกษตรกรที่สนใจลงทุนปลูกต้นกระท่อมใหม่ คงต้องมีการวางแผนเพื่อตัดสินใจในการปลูกอย่างรอบคอบ เพราะยังขึ้นอยู่กับการตอบรับของอุปสงค์ในระยะแรก ซึ่งคงต้องมีการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า ร่วมกับเงื่อนไขหลายประการ ที่สำคัญคือ เงินลงทุนในการเริ่มปลูก เงินทุนหมุนเวียนระหว่างรอเก็บเกี่ยวผลผลิต ระยะเวลาคืนทุน และความเสี่ยงของราคาขายที่จะได้รับ ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ที่ราคาขายเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วอาจน้อยกว่าในปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หากอุปทานมีปริมาณเพิ่มขึ้นและอุปสงค์ยังคงมีความไม่แน่นอน ซึ่งหากเกษตรกรผู้ปลูกกระท่อมไม่มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับผู้รับซื้อ ก็จะยิ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาให้ปรับตัวลดลงไปตามกลไกตลาด ทั้งนี้ การปลูกกระท่อมใหม่เพื่อแซมพืชอื่นในสวนจะเป็นแนวทางที่ดี โดยอาจเริ่มต้นทำในสเกลเล็กๆ ซึ่งจะเหมาะกับเกษตรกรที่มีความพร้อมในแง่ของพื้นที่/เงินทุน และอาจไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงมากเท่ากับการเลือกปลูกกระท่อมแบบเชิงเดี่ยว นอกจากนี้ ภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนพืชกระท่อม ทั้งในแง่ของการให้ความรู้ในการปลูกที่ถูกต้อง การบริหารจัดการผลผลิตที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอุปทานส่วนเกิน (Over Supply) และการส่งเสริมการปลูกในพื้นที่ศักยภาพโดยเฉพาะในภาคใต้ รวมถึงแนวทางการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนและการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับผู้รับซื้อ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกระท่อมถึงระดับรายได้ที่ดีในอนาคต
สรุป นอกจากตลาดในประเทศที่ต้องรอดูการตอบรับของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่ใช้กระท่อมเป็นวัตถุดิบแล้ว สำหรับในแง่ของตลาดส่งออก ก็นับว่ายังมีความไม่แน่นอนเช่นกัน เนื่องจากการจะบุกตลาดโลกได้นั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ซึ่งผู้ประกอบการปลายน้ำที่ใช้กระท่อมเป็นวัตถุดิบ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ยา อาหารเสริม และเครื่องสำอาง ต่างก็ต้องสร้างการรับรู้ในสินค้าซึ่งเป็นสินค้าใหม่ ต้องหาฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่มให้เจอ สามารถแข่งขันได้ทั้งในเรื่องของราคาและคุณภาพเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ทดแทนอื่นๆ ในตลาด รวมถึงคู่แข่งหลักที่มีผลผลิตกระท่อมอย่างอินโดนีเซีย ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ความต้องการของผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่ใช้กระท่อมเป็นวัตถุดิบ ทั้งเพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออกที่แข็งแรงมากพอและมีความต่อเนื่อง จะเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดความต้องการใช้กระท่อมสด และมีผลต่อทิศทางราคากระท่อมสด ตลอดจนผลผลิตและรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกกระท่อมในอนาคต
ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย