กลุ่ม KTIS ยืนยันน้ำมากไม่กระทบผลผลิตอ้อย ชี้เป็นผลบวกมากกว่าลบ คาดได้อ้อยมากกว่าปีก่อน 20-25%

จันทร์ ๒๕ ตุลาคม ๒๐๒๑ ๑๔:๒๐
กลุ่ม KTIS มั่นใจปัญหาน้ำมากไม่กระทบต่อพื้นที่ปลูกอ้อยของชาวไร่อ้อยคู่สัญญา เพราะเป็นภาวะน้ำท่วมแบบเฉียบพลัน ไม่ได้ท่วมขังนาน และอ้อยเป็นพืชที่ทนน้ำได้ดี แถมยังส่งผลเชิงบวก ช่วยให้มีน้ำเพียงพอสำหรับการปลูกอ้อยในฤดูการผลิตถัดไป พื้นที่ปลูกอ้อยที่อยู่ระดับสูงก็ได้รับน้ำมากเพียงพอที่จะทำให้อ้อยเจริญเติบโตเต็มที่ และเมื่อนำไปทำน้ำตาลและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอื่นๆ ก็จะได้ผลผลิตที่ดีด้วย ยืนยันผลผลิตอ้อยฤดูการผลิตปี 64/65 สูงกว่าปีก่อน 20 - 25%

นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยว่า จากการประเมินผลกระทบจากปัญหาน้ำมากที่มีต่อพื้นที่ปลูกอ้อยของชาวไร่อ้อยคู่สัญญาของกลุ่ม KTIS ซึ่งอยู่ในแถบภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง แล้วเห็นว่า น่าจะมีผลเชิงบวกมากกว่าเชิงลบ เนื่องจากน้ำมากจนถึงน้ำท่วมในปีนี้เป็นภาวะน้ำท่วมแบบเฉียบพลัน ไม่ได้ท่วมขังนาน และธรรมชาติของอ้อยนั้นเป็นพืชที่ทนน้ำได้ดี ดังนั้น จึงไม่ได้กังวลกับพื้นที่ปลูกอ้อยที่ประสบปัญหาน้ำมากเพียงชั่วคราว แต่กลับรู้สึกดีกับพื้นที่ปลูกอ้อยที่อยู่ระดับสูงที่จะได้รับน้ำมากเพียงพอที่จะทำให้อ้อยเจริญเติบโตได้เต็มที่ และเมื่อนำไปทำน้ำตาลและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอื่นๆ ก็จะได้ผลผลิตที่ดีด้วย

"เรามองว่าปริมาณฝนที่มีมากในปีนี้จะส่งผลเชิงบวกกับกลุ่ม KTIS และยังยืนยันว่าจะได้ผลผลิตอ้อยที่เข้าหีบในฤดูการผลิตปี 2564/2565 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20 - 25% ซึ่งจะส่งผลดีต่อทุกสายธุรกิจทั้งสายน้ำตาลและธุรกิจชีวภาพ ได้แก่ เอทานอล ไฟฟ้า และเยื่อกระดาษจากชานอ้อย ซึ่งจะมีวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการผลิตมากขึ้น" นายณัฎฐปัญญ์กล่าว และเสริมด้วยว่า ปริมาณน้ำฝนที่มากช่วยให้แหล่งน้ำที่ชาวไร่ได้สร้างไว้ รวมทั้งแหล่งน้ำธรรมชาติมีปริมาณน้ำเพียงพอและพร้อมที่จะปลูกอ้อยในฤดูการผลิตต่อไปด้วย

ทั้งนี้ หากมีผลผลิตอ้อยในปริมาณที่มากขึ้น รายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องก็จะดีขึ้นทั้งหมด เพราะจะมีโมลาสที่นำไปผลิตเอทานอลมากขึ้น มีชานอ้อยที่นำไปเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้ามากขึ้น และมีชานอ้อยเข้าสู่กระบวนการผลิตเยื่อกระดาษมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ในปี 2565 กลุ่ม KTIS จะเริ่มรับรู้รายได้จากกลุ่มธุรกิจใหม่เพิ่มเติมเข้ามาอีกด้วย คือ โครงการผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากเยื่อชานอ้อย ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงถึง 50 ตันต่อวัน โดยมีเครื่องจักร 50 เครื่อง ที่สามารถผลิตบรรจุภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้หลากหลายรูปแบบ เช่น จาน ชาม กล่อง ถาดหลุม เป็นต้น รวมไปถึงการผลิตและจำหน่ายหลอดชานอ้อยซึ่งออกสู่ตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC) เฟส 1 ก็จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ โดยมีโรงงานผลิตเอทานอลจากน้ำอ้อย กำลังการผลิต 6 แสนลิตรต่อวัน และโรงไฟฟ้า 3 โรง กำลังการผลิตติดตั้งรวม 85 เมกะวัตต์

ที่มา: ไอทูซี คอมมิวนิเคชั่นส์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง