ถึงเวลา! ตลาดหุ้นทั่วโลกขาขึ้น หลังเฟดหั่นวงเงิน QE-คงดอกเบี้ย ดันเม็ดเงินลงทุนไหลกลับ - บิทคอยน์ ระยะกลางเทคนิคสวย

จันทร์ ๐๘ พฤศจิกายน ๒๐๒๑ ๑๓:๓๙
ส่องตลาดหุ้นทั่วโลกโค้งท้ายปีถึงเวลาปรับตัวขึ้น หลังเฟดลดการอัดฉีดสภาพคล่อง QE - คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ระยะสั้นเม็ดเงินลงทุนไหลกลับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก่อนไปต่อที่ตลาดหุ้นเอเชีย-ประเทศเกิดใหม่ ชูหุ้นกลุ่มโรงแรม-สายการบิน-เทคโนโลยี ส่วน "บิทคอยน์" ยังเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจทั้งกราฟเทคนิคระยะกลางสวย และพื้นฐานดีในระยะยาว ทางด้านทองคำไม่มีความชัดเจน แนะจับตาทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ราคาน้ำมันอาจจะมีอัพไซด์จำกัดแล้ว

นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FED) รอบสุดท้ายของปีนี้ มีมติปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% เป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด มองว่าผลการประชุมดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ ต่างจากการปรับลดวงเงินการทำ QE ครั้งแรกในช่วงปี 2014 ซึ่งราคาสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นทองคำ ตลาดหุ้น ต่างปรับตัวลดลงทั้งหมด

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน Global Investment ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี 2564 และต้นปีหน้า คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลก มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากสถิติในอดีตของการปรับลดวงเงิน QE ระยะสั้นเม็ดเงินจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดสหรัฐฯ ก่อนเสมอ ตลาดหุ้นอเมริกาจึงฟื้นตัวเร็วกว่าตลาดหุ้นเอเชียและประเทศเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ยังคงมีความน่าสนใจในระยะยาว โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน หากคลายความกังวลเรื่องการเข้ามากำกับดูแลภาคเอกชนของรัฐบาล ตลอดจนความเสี่ยงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าเม็ดเงินจะไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง รวมถึงตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียอีกครั้ง โดยมองว่าหุ้นกลุ่มสายการบิน โรงแรม จะได้รับผลบวกโดยตรงและกลับมาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดี แม้จะไม่มีแรงหนุนจากการปิดเมือง โดยในภาพรวมของกำไรสุทธิของหุ้นกลุ่มนี้จะหนุนให้ตลาดหุ้นเติบโตต่อได้

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำ ยังมองภาพไม่ชัดเจนจากแรงกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีโอกาสแข็งค่าต่อ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูงจะเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนราคาทองคำ แต่น่าจะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น เพราะถ้าหากทั่วโลกมีการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพลังงานได้และราคาน้ำมันกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง จะทำให้อัตราเงินเฟ้อค่อย ๆ ลดลง

"นักลงทุนยังต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน "ทองคำ" เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกที่เข้ามาส่งเสริมทำให้ภาพการฟื้นตัวของราคาทองคำยังไม่ชัดเจน และมีแนวโน้มราคาปรับตัวลงต่อได้อีก หากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,820 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปได้ กราฟเทคนิคของทองคำยังเป็นขาลง โดยมีแนวรับระดับ 1,676-1,720 ดอลลาร์สหรัฐฯ"

ทางด้านราคาน้ำมันแม้จะมีการทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบหลายปีแต่อัพไซด์ราคาจำกัดแล้ว ภาพรวมการปรับตัวของราคาจึงไม่ใช่ขาขึ้น และปัญหาการขาดแคลนพลังงานจากการเปิดเมืองจนเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เร็วเกินกว่าคาดในหลาย ๆ ประเทศ กำลังถูกเร่งแก้ไขจนในที่สุดดีมานด์และซัพพลายของน้ำมัน เริ่มกลับมาสมดุลและหลังจากนี้ราคาน้ำมันน่าจะทรงตัวจากการที่ประเทศผู้นำการขุดน้ำมันอย่าง ซาอุดิอาระเบีย และประเทศต่างๆ ทั่วโลก กำลังให้ความสำคัญและมุ่งหน้าสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น

นายณพวีร์ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ต้องการกระจายพอร์ตลงทุนไปยังสินทรัพย์ทางเลือก "บิทคอยน์" ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจในช่วงหลังจากนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่นักลงทุนสถาบันเริ่มสนใจนำเงินมาลงทุนมากขึ้น และต้องจับตาว่า ก.ล.ต. ของสหรัฐฯ จะมีการอนุมัติกองทุน ETF ของบิทคอยน์หรือไม่ ถ้าหากมีการอนุมัติจะเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ราคาบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นได้ในระยะยาว ล่าสุดราคามีการทำจุดสูงสุดใหม่ และกราฟเทคนิคมีโอกาสที่จะเห็นราคาบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นในระดับ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

"หากจะสรุปแผนการลงทุนภายหลังจากที่เฟดปรับลดวงเงินการทำ QE การบริหารพอร์ตการลงทุน ควรแบ่งเงินไปลงทุนที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากอยากให้แบ่งเงินลงทุนบางส่วนในสินทรัพย์ดิจิทัล อย่าง บิทคอยน์ เหรียญที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนสูง โดยกลยุทธ์การลงทุนที่กล่าวมาทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้มุมมองสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายลง และไม่เกิดการกลายพันธุ์ใหม่อีกครั้ง จนต้องระงับการเปิดเมืองในหลาย ๆ ประเทศ" นายณพวีร์ กล่าวปิดท้าย

ที่มา: เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง