สำหรับพันธกิจการจัดตั้งเครือข่าย Thailand Synthetic Biology Consortium ประกอบด้วย 1) เพื่อจัดตั้งเป็น Thailand Synthetic Biology Consortium เพื่อพัฒนาความร่วมมือทั้งในด้านงานวิจัยและพัฒนา การถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม และการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ 2) เพื่อสร้างเครือข่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ และการเตรียมความพร้อมสู่การพัฒนาและใช้เทคโนโลยี Synthetic Biology ในระดับอุตสาหกรรมในประเทศไทย 3) เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อน บีซีจี โมเดล ผ่านเครือข่าย Thailand Synthetic Biology Consortium 4) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและกำหนดทิศทางร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Synthetic Biology 5) เพื่อเชื่อมโยงความร่วมมือ แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้ประกอบการและนักวิจัยในสาขาเทคโนโลยี Synthetic Biology ทั้งภายในและระหว่างประเทศเพื่อต่อยอดและสร้างนวัตกรรม และส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์ให้แพร่หลายต่อไป
ภายในงานได้รับเกียรติจาก ดร. อะจิคุมาร์ พารายิล ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Manus Bio Inc. บริษัทผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงของสหรัฐอเมริกา มาแชร์มุมมองและแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ในระดับโลก จากนั้น ดร. คอสทัส วาวิสทัส ผู้จัดการภาคีเครือข่าย SINERGY เครือข่ายความร่วมมือในการผลักดัน ขับเคลื่อนนวัตกรรมและอุตสาหกรรมชีววิทยาสังเคราะห์ ประเทศสิงคโปร์ ก็ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนถึงนวัตกรรมจากเทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ที่ประเทศสิงคโปร์ใช้ในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเป็น Global Bioeconomy Hub (ศูนย์กลางทางเศรษกิจของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ)
นอกจากนี้ ดร.กาญจนา วานิชกร รองผู้อำนวยการ สอวช. ได้กล่าวบรรยายผ่านระบบออนไลน์ ในหัวข้อ SynBio Ecosystem Development Roadmap ซึ่งแผนที่นำทางที่จัดทำขึ้นเพื่อเป้าหมายร่วมในการพัฒนาขับเคลื่อน Synthetic Biology รวมถึงนวัตกรรม อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแผนที่นำทางนี้มีผู้ร่วมให้ความเห็นทั้งในกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) บริษัทสตาร์ทอัพ บริษัทขนาดใหญ่ สถาบันวิจัย และมหาวิทยาลัย โดยพบว่าสำหรับประเทศไทย SynBio ยังมีโอกาสในการพัฒนาไปได้อีกมาก ส่วนสำคัญคือการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ บีซีจี ที่เป็นวาระสำคัญของประเทศไทย
ในส่วนของแผนที่นำทาง ทำขึ้นเพื่อเป็นแพลตฟอร์มในการทำงานร่วมกัน และมองเป้าหมายไปถึงปี 2030 โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ในช่วงแรก (1-3 ปี) คือการสร้างขีดความสามารถ (Capacity Building) การมีแพลตฟอร์มความร่วมมือ (Collaboration Platform) รวมถึงพยายามแสดงให้เห็นโอกาสทางธุรกิจ ในระยะกลาง (3-5 ปี) มองถึงการยกระดับโอกาสในการผลิตและมาตรฐานการผลิต ส่วนในระยะยาว (5 ปีขึ้นไป) คาดหวังว่าจะสร้าง Deep Tech Startup หรือ Deep Tech Enterprise ขึ้นมา เพื่อในอนาคตจะเป็นฐานสำคัญในการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้น
"หลักหมุดหมายสำคัญที่ต้องการให้เกิดขึ้นในระยะ 10 ปีนี้ แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1) การจัดตั้ง SynBio Academy ใช้จุดแข็งของมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย ดูถึงเรื่องการทำหลักสูตร มี Training Course นำความรู้จากหลายศาสตร์มาทำงานร่วมกันและดูถึงเรื่องการเชื่อมโยงกับต่างประเทศด้วย ที่สำคัญต้องสร้างความรู้ความเข้าใจว่า SynBio คืออะไร สร้างการมีส่วนร่วมให้คนเข้าใจ ซึ่งจะส่งผลในการสร้างความต้องการ และโอกาสทางการตลาดด้วย 2) Investment & Strategic Funding มองถึงการให้การสนับสนุนในการลงทุนร่วมกับภาคเอกชน รวมถึงการสร้างแรงจูงใจ ที่เตรียมจะหารือกับ BOI ในการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี 3) R&D Infrastructure เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน หาโอกาสที่จะมี National Biofoundry ตอนนี้อาจไปเชื่อมโยงกับ Global Biofoundries Alliance รวมถึงการส่งเสริม Contract Development and Manufacturing Organization หรือ CDMO เป็นตัวกลางในเชื่อมโยงเอาโจทย์ความต้องการจากการวิจัยไปสู่การผลิต และ 4) เรื่องระบบนิเวศ กฎหมาย กฎระเบียบ มีการพูดถึงกฎหมายเกี่ยวกับ Biosafety/Biosecurity รวมถึงเรื่องสิทธิบัตร และการส่งเสริมให้เกิดการทำนวัตกรรมต่างๆ โดย ดร. กาญจนาได้เชิญชวนทุกฝ่ายมาร่วมกันทำให้หมุดหมายนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น" ดร. กาญจนา กล่าว
นอกจากนี้ เครือข่ายฯ ยังได้รับเกียรติจาก นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมแสดงความยินดีกับการแสดงเจตจำนงในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) และสนับสนุนให้เกิดโอกาสที่จะขยายความร่วมมือ เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมชีววิทยาสังเคราะห์ในประเทศ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 1 ของภูมิภาคอาเซียน มีความอุดมสมบูรณ์ด้านวัตถุดิบการเกษตร จึงมีความพร้อมที่จะต่อยอดไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง ความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการพัฒนา ส่งเสริมอุตสาหกรรมชีววิทยาสังเคราะห์จะสามารถต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมไทยได้ทั้งระบบ รวมทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถในแข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างยั่งยืน
ในงานยังได้มีการเปิดตัวหนังสืออีบุ๊ค Thailand Synthetic Bioeconomy Outlook and Key Milestones ที่จัดทำโดย SynBio Consortium Working Group โดยบอกเล่าถึงความหมายและการเกิดขึ้นของ Synthetic Biology ที่จะเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านการเกษตร อาหารและยา หรือการผลิตวัสดุเพื่อทดแทนทรัพยากรจากธรรมชาติที่เหลืออยู่อย่างจำกัด, ความก้าวหน้าของ SynBio ความคาดหวังและข้อกังวลของเทคโนโลยี, การใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยี SynBio ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเคมี พลังงานและสิ่งแวดล้อม เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร และอุตสาหกรรมยา, การกำกับดูแลความปลอดภัยทางชีวภาพของ SynBio เป็นต้น โดยผู้สนใจสามารถอ่านเอกสารฉบับเต็มได้ที่ https://www.nxpo.or.th/th/report/9291/
ที่มา: สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)