STECH บุ๊คงบ Q3/64 มีกำไร 40.71 ลบ. รายได้จากการขายและบริการโตกว่า 30% ล่าสุดตุน Backlog ทะลุ 900 ลบ.หนุนผลงานเติบโตแกร่ง

อังคาร ๑๖ พฤศจิกายน ๒๐๒๑ ๐๙:๓๙
"สยามเทคนิคคอนกรีต หรือ STECH" หนึ่งในผู้นำธุรกิจคอนกรีตอัดแรงรายใหญ่ ประกาศผลงาน Q3/64 มีรายได้จากการขายและบริการ 428.51 ลบ. เพิ่มขึ้น 30.62% กำไรสุทธิ 40.71 ลบ. โตขึ้น 14.50% จากภาพรวมการส่งมอบงานพุ่งสูง แม้จะมีการปิดไซต์งานก่อสร้างในเดือนกรกฎาคม ด้านผลงานงวด 9 เดือน มีรายได้จากการขายและบริการเกือบ 1,189 ลบ. เพิ่มขึ้นราว 6% แต่รายได้รวมลดลงเล็กน้อย เนื่องจาก งานโครงการก่อสร้างในปีนี้จะเริ่มเข้ามารับรู้รายได้ในช่วง Q4/64 จึงมองโค้งสุดท้ายของปีเป็นโอกาสคว้างานเพิ่ม ประกอบกับอานิสงส์รัฐบาลประกาศเปิดประเทศ เป็นสัญญาณเชิงบวกให้อุตสาหกรรมก่อสร้างภาครัฐและเอกชนคึกคัก รอฟังข่าวดีของ STECH เดินหน้าประมูลบิ๊กโปรเจกต์อีกเพียบ หลังปัจจุบันโชว์ Backlog ในมือแน่นกว่า 900 ล้านบาท

นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปี คาดว่าจะดีกว่าในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยมองว่าหลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ น่าจะเป็นสัญญาณเชิงบวก และธุรกิจของ STECH อิงกับระบบสาธารณูปโภค เชื่อว่าน่าจะเป็นปัจจัยบวกของบริษัทฯ ที่ดีให้กลับมาคึกคักได้เหมือนเคย โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในด้านการคมนาคม จะกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ ภาคเอกชนได้รับความเชื่อมั่น ทยอยเปิดตัวงานโครงการใหม่เพิ่มขึ้น และส่งผลดีต่อ STECH

ปัจจุบันมีงานในมือที่รอส่งมอบ (Backlog) รวมอยู่ที่ 900 ล้านบาท แบ่งเป็น คำสั่งซื้อจากการขายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงและบริการ มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ซึ่งเตรียมทยอยส่งมอบและคาดรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ รวมทั้งได้รับงานก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 kV จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่าราว 97 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งลงนามสัญญาเรียบร้อยแล้ว โดยมีระยะเวลาการทำงาน 1 ปี สนับสนุนภาพรวมการรับรู้รายได้แข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดต่อเนื่องจากปี 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาครัฐมีการประมูลงานล่าช้ากว่าแผนงานที่วางไว้

ปัจจุบันบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างติดตามงานโครงการใหม่อีกกว่า 700 ล้านบาท เช่น งานเสาเข็มโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, รถไฟความเร็วสูง ไทย - จีน กรุงเทพ - นครราชสีมา สะท้อนภาพรวมงานโครงการขนาดใหญ่เริ่มเดินหน้า โดยเฉพาะเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯ ได้ปัจจัยบวกจากโรงงานที่มีอยู่ 9 แห่ง กระจายอยู่เกือบทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และการก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 10 ที่ชลบุรี สาขา 2 คาดว่าจะเริ่มผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ 65 พร้อมรับคำสั่งซื้อจากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ปัจจุบันมีงานก่อสร้างขนาดใหญ่หลายโครงการ ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงสูงกว่าภูมิภาคอื่น

"Backlog ที่มีอยู่ตอนนี้ถือว่าอยู่ในระดับสูง แม้ที่ผ่านมาภาครัฐมีมาตรการคุมเข้มสถานการณ์โควิดโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่เรายังมีงานส่วนใหญ่ที่เดินหน้าตามปกติในภูมิภาคอื่น และเริ่มเห็นสัญญาณบวกตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมาได้ เนื่องจากโรงงานของบริษัทฯ ยังคงสามารถเดินหน้าผลิตสินค้า พร้อมทยอยส่งมอบในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดในโรงงาน ควบคู่การติดตามสถานการณ์โควิดและปัจจัยภายนอกอย่างใกล้ชิด สนับสนุน STECH ในปี 2564 คาดจะเติบโตจากปีก่อนได้อย่างแน่นอน" นายวัฒน์ชัย กล่าว

ล่าสุด STECH รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2564 (กรกฎาคม-กันยายน) มีรายได้จากการขายและบริการ 428.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.62% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 328.06 ล้านบาท จากการส่งมอบงานในปริมาณที่สูงขึ้นทั้งภาครัฐบาลและเอกชน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 428.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมอยู่ที่ 362.15 ล้านบาท เนื่องจากในงวดไตรมาส 3 ของปีก่อน มีการรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างโครงการเข้ามาเพิ่มเติม ขณะที่ กำไรสุทธิ 40.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้จากการขายและบริการ 1,180.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.95% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,121.90 ล้านบาท และมีรายได้รวมที่ 1,180.60 ล้านบาท ลดลง 1.59% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,212.24 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 94.47 ล้านบาท ลดลง 26.19% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 127.99 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ยังไม่มีการรับรู้รายได้จากธุรกิจรับเหมางานก่อสร้างโครงการ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปลายปี

"ภาพรวมไตรมาส 3 ปีนี้ รายได้จากการขายและบริการมีจำนวน 428.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.45 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 30.62% เนื่องจากมีการส่งมอบงานในปริมาณค่อนข้างสูงทั้งงานภาครัฐและเอกชนในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา โดยทางราชการได้มีการผ่อนคลายให้เปิดงานก่อสร้างได้หลังถูกปิดเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา และช่วง 9 เดือนปีนี้ สิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2564 บริษัทฯ ยังไม่มีรายได้จากธุรกิจงานรับเหมาก่อสร้างดังเช่น ปี 2563 อย่างไรก็ดี บริษัทได้ลงนามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2564 เป็นงานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รับจ้างเหมาก่อสร้างสายส่ง ระบบ 115 เควี สถานีไฟฟ้าสกลนคร 2 จังหวัดสกลนคร - สถานีไฟฟ้าศรีสงคราม จังหวัดนครพนม มูลค่างานเป็นจำนวนเงิน 97.97 ล้านบาท โดยมีแผนจะเริ่มงานภายในไตรมาส 4 ของปี 2564 มีระยะเวลาการทำงาน 1 ปี" นายวัฒน์ชัยกล่าวทิ้งท้าย

ที่มา: ไออาร์ พลัส

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง