นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกัน 4 ไตรมาส โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณการขนส่ง และค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง อีกทั้งในไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการขนส่งสินค้า E-Commerce เนื่องจากมีเทศกาล sale ของ E-Commerce Platform ทั่วโลก ในเทศกาล 10/10 ,11/11 และ Black Friday รวมถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งจะทำให้มีปริมาณการขนส่งสินค้า E-Commerce แบบ Cross Border ของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้-กำไร เติบโตอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2565
"ในช่วงไตรมาส 4/2564 นี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดบริการ Soft opening LEO Self Storage สาขาที่ 2 LSS China Town ถนนเจริญกรุง ใกล้กับย่านเยาวราช โดยสาขาที่ 2 นี้ มีพื้นที่เพิ่มอีก 2,000 - 3,000 ตารางเมตร โดยบริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะทำให้ LEO Self-Storage#2 เป็น Flagship store ของ LEO Self Storage ด้วยการให้บริการที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการภายในเดือนธันวาคม 2564 นี้
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาการให้บริการร่วมกับ China Post เพื่อทำหน้าที่เป็น 'One-Stop Service Provider' ให้กับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซให้สามารถนำเข้าและส่งออกสินค้าจากประเทศจีน พร้อมกับกระจายสินค้าไปยังปลายทางทั่วโลก
ส่วนความคืบหน้าการทำ M&A กับผู้ประกอบการโลจิสติกส์ในประเทศไทย คาดว่าจะบรรลุข้อตกลงกับบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์เร็วๆนี้ และจะสามารถทำความตกลงได้ภายในปี 2564 และมีการทำรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ100 ล้านเข้ามาในปี 2565
"แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หลังจากบริษัทฯเดินตามแผนและยุทธศาสตร์ที่วางไว้ก่อนหน้า โดยคาดว่ารายได้ในปีนี้จะทะลุ 3 พันล้านบาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,129 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนแรก มีรายได้รวม 2.1 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 121.92 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 2563 ทั้งปีที่ 56.88 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์"
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO กล่าวอีกว่า จากการที่บริษัทฯเป็นพันธมิตรกับ China Post ทำให้เพิ่มโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจุบัน China Post วางแผนการขนส่งทางรางด้วยรถไฟความเร็วสูง ลาว-จีน โดยจะให้ LEO เป็น Exclusive Partner และยังได้วางแผนให้ประเทศไทยเป็น Logistic Hub ด้าน E-commerce ใน ASEAN นอกจากนี้ในปี 2565 ก็จะมีการผลักดันการพัฒนาบริการขนส่งครบวงจร การจัดเก็บและกระจายสินค้าภายในประเทศ พร้อมกับพัฒนาบริการสำหรับตลาดและลูกค้าในกลุ่ม E-Commerce/Social Commerce ผ่านการมอบบริการ E-fulfilment Centre ในการขนส่งสินค้าทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ รวมถึงบริการใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ที่ได้มีการเซ็น MOU ในการพัฒนาธุรกิจร่วมกันในเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยผลักดันแนวโน้มผลการดำเนินงานในในปี 2565 สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ที่มา: ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์