การดูแลตนเองที่เปลี่ยนไปในยุค Covid-19 สำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง

พฤหัส ๐๒ ธันวาคม ๒๐๒๑ ๑๓:๔๗
โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นภาวะที่ความดันเลือดภายในหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติตลอดเวลา หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงตามมา จนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่ไม่ค่อยแสดงอาการผิดปกติ ยกเว้นในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงระยะรุนแรงก็อาจมีอาการแสดงออกมาได้ เช่น ปวดศีรษะรุนแรง เหนื่อยง่าย เลือดกำเดาไหล ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้ถือเป็นอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง บอกไม่ได้ชัดเจนในบางรายทราบเมื่อตรวจพบภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูงพร้อมกับโรคอื่นๆ ทำให้ต้องมีการตรวจสุขภาพแล้ววัดค่าความดันโลหิตของตนเองอย่างสม่ำเสมอ

อาจารย์ ดร.ฐิติพงษ์ ตันคำปวน ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือด้านการวิจัยผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่าจากการสำรวจสถิติผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในประเทศไทย 10 ปีย้อนหลัง พบว่ามีคนไทยประมาณ 20% ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง แต่การสำรวจในช่วง 5 ปีหลัง เรากลับพบว่าอัตราผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจาก 20% ขึ้นมาเป็น 26% จะสังเกตได้ว่าสถานการณ์โรคความดันโลหิตสูงในประเทศไทยกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งคิดเป็นประชากรประมาณ 23 ล้านคน ของประชากรไทย ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งจะแตกต่างกับต่างประเทศ ประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีอัตราการเพิ่มของผู้ป่วยในระดับต่ำ โดยทั่วโลกให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก พยายามที่จะรณรงค์ให้มีการคัดกรองผู้ป่วยให้มากขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการติดตามการรักษาอย่างทั่วถึง ยกตัวอย่างในประเทศไทยที่มีผู้ป่วยประมาณ 23 ล้านคน แต่มีคนไข้ที่อยู่ในระบบติดตามการรักษาเพียง 6 ล้านคน เท่านั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของโรคความดันโลหิตสูง คือจำนวนคนที่ยังไม่ได้เข้าระบบ โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ของเราให้ความสำคัญและกำลังที่จะหาแนวทางให้ทุกคนเข้ารับการรักษาได้อย่างทั่วถึง มีการรณรงค์ให้คนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปจะต้องมีการคัดกรองโรคความดันโลหิตสูงไม่ว่าจะคัดกรองด้วยตัวเองที่บ้าน หรือไปสถานบริการที่มีเครื่องวัดความดัน พร้อมทั้งควบคุมให้น้อยกว่า 140 / 90 mmHg ตามที่กำหนด ส่วนวิธีสำหรับวิธีสังเกตอาการเริ่มต้นของกลุ่มโรคความดันโลหิตสูง คือ จะรู้สึกว่าปวดศีรษะ ปวดบริเวณท้ายทอยบ่อยขึ้น แต่การคัดกรองที่ดีที่สุด คือ การวัดความดันโลหิตของตนจากอุปกรณ์วัดความดันโลหิตแบบพกพา หรือสถานบริการสุขภาพใกล้บ้านและมีการติดตามอย่างสม่ำเสมอ

ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 คนที่เป็นกลุ่มโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ ฯลฯ หากเกิดการติดเชื้อโควิด-19 จะมีอาการของโรครุนแรงมากกว่าคนปกติ เช่น เกิดความเสียหายของปอด เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ระบบการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว เป็นสาเหตุให้อัตราการตายสูงกว่าคนปกติ ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ถ้ามีอาการรุนแรงมากขึ้นต้องรีบส่งต่อไปยังโรงพยาบาล ให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด แต่สำหรับคนไข้ปกติที่ต้องดูแลตนเองอยู่แล้ว ควรระมัดระวังในเรื่องของการออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร และป้องกันความเครียด เมื่อเชื้อโควิด-19 ระบาด ข้อจำกัดในการใช้ชีวิตเพิ่มมากขึ้น ปัญหาแรกที่พบคือผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมอาหารได้เหมือนเดิม เนื่องจากต้องบริโภคอาหารสำเร็จรูปมากขึ้น ซึ่งมีโซเดียมค่อนข้างสูงเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย ส่วนถัดมาคือ ในเรื่องของกิจกรรมการออกกำลังกาย ไม่สามารถทำได้ตามปกติ และสุดท้ายก็จะจบลงด้วยเรื่องของความเครียด ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถคุมความดันของตนเองให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ทำให้การใช้ชีวิตลำบากมากยิ่งขึ้น

สำหรับการปฏิบัติตนของกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ นั้น รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับการให้วัคซีนแก่คนกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้น ผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรังนี้ควรเข้ารับวัคซีนให้ได้ตามที่รัฐบาลกำหนดเพื่อป้องกันตัวเองจากโรค ความดันโลหิตสูงและโควิด-19 ควรปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่าง นอกจากนี้ผู้ป่วยควรเตรียมยาให้เพียงพออยู่เสมอ ควบคุมอาหาร เลี่ยงอาหารประเภทโซเดียม และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมความเครียดนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ คอยสังเกตอาการตนเองอยู่สม่ำเสมอ

สุดท้ายนี้ ขอฝากสำหรับคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง สิ่งสำคัญที่สุดคือการติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ มารับยาตามกำหนด ควบคุมความดันของร่างกายให้ปกติ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต ซึ่งหากเราควบคุมได้ก็จะลดความเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ และถ้าท่านใดสนใจในเรื่องของการดูแลคนไข้โรคไม่ติดต่อเรื้องรังที่ปรับเปลี่ยนไปหลังจากช่วงโควิด-19 สามารถเข้าร่วมฟังบรรยายในงานประชุมวิชาการ เรื่อง "Challenges in NCDs management to achieve the SDGs in the COVID-19 era and beyond" ซึ่งทางคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดขึ้นผ่านระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 10 - 11 มกราคม 2565 ได้

ที่มา: คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง