เปลี่ยนประสบการณ์ Hybrid Workplace สำหรับธุรกิจขนาดเล็กให้ทันสมัย ด้วยโซลูชันใหม่ Aruba Edge Connect Microbranch

พุธ ๒๒ ธันวาคม ๒๐๒๑ ๑๓:๔๔
โซลูชันนี้จะช่วยให้ผู้ที่ทำงานจากที่บ้านสามารถใช้งานได้ด้วยประสบการณ์ที่เหมือนการทำงานในออฟฟิศ ด้วยการเชื่อมระบบ SD-WAN และ SASE Security Services ผ่าน Access Point เพียงชุดเดียว ไม่ต้องติดตั้ง Gateway หรือ Agent อีกต่อไป

อรูบ้า (Aruba) บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise (NYSE: HPE) ได้ประกาศเปิดตัว EdgeConnect Microbranch โซลูชันใหม่ล่าสุดสำหรับระบบเครือข่ายที่ใช้บ้านเป็นออฟฟิศและออฟฟิศขนาดเล็กเพื่อรองรับการทำงานแบบ Hybrid Work ซึ่งจะช่วยให้พนักงานที่ทำงานจากที่บ้านนั้นได้รับประสบการณ์แบบเดียวกับการทำงานที่ออฟฟิศ ด้วยการใช้ Wi-Fi Access Point (AP) เพียงชุดเดียว ไม่ต้องมีการติดตั้ง Gateway, Agent หรืออุปกรณ์ใดๆ ที่ปลายทางอีกต่อไป

ด้วยการใช้ Edge Connect Microbranch ฝ่ายไอทีขององค์กรจะสามารถมั่นใจได้ในการส่งมอบประสบการณ์การทำงานที่ดีแก่พนักงาน ไม่ว่าพนักงานคนนั้นจะทำงานจากที่ใดก็ตาม ซึ่ง EdgeConnect Microbranch นี้จะมีความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่ายจากภายนอกไปยังสาขาหลักของธุรกิจได้อย่างครบถ้วน ช่วยให้แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และยังคงปกป้ององค์กรได้ด้วยการใช้เฟรมเวิร์คด้านความมั่นคงปลอดภัยอย่าง Zero Trust และ Secure Access Services Edge (SASE) ที่จะช่วยปกป้องออฟฟิศของธุรกิจขนาดเล็กและการทำงานจากที่บ้านได้อย่างครอบคลุม

โซลูชัน EdgeConnect Microbranch ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Aruba ESP (Edge Services Platform) ประกอบไปด้วย AP และบริการ SD-WAN ใหม่ ซึ่งพัฒนาต่อยอดจากประสบการณ์ในการให้บริการด้านการเชื่อมต่อ, การรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการติดตั้งใช้งานแบบ Zero Touch ของ Aruba ที่มีอยู่ไปสู่ธุรกิจขนาดเล็กผ่านอุปกรณ์ Remote Access Point (RAP) ยอดนิยม

เดิมที SD-WAN นั้นถูกติดตั้งใช้งานภายในสาขาขนาดใหญ่และออฟฟิศหลักเพื่อจัดการกับความต้องการในการใช้งานแอปพลิเคชันให้มีประสิทธิภาพ, ความมั่นคงทนทาน และความปลอดภัยที่สูงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดีในปัจจุบัน Hybrid Work ได้กลายเป็นรูปแบบการทำงานหลัก ที่บ้านของพนักงานและสาขาขนาดเล็ก จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการการส่งข้อมูลให้เป็นตามนโยบายที่กำหนดได้อย่างอัตโนมัติ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้วยบริการ SASE ในรูปแบบ Cloud จาก Aruba SD-WAN ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการในการทำงานจากที่บ้านและภายนอกองค์กรที่กำลังเติบโตนี้ให้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ, มั่นคงทนทาน และปลอดภัย โดย IDC ได้ประเมินว่าองค์กรในกลุ่ม G2000 กว่า 70% จะต้องมีการทำงานจากระยะไกลหรือทำงานในแบบ Hybrid-First และเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานไปโดยสิ้นเชิง (IDC, IDC FutureScape : Worldwide Future of Work Predictions, November 2021)

สำหรับองค์กรธุรกิจ กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการทำงานจากระยะไกลได้อย่างยืดหยุ่นนี้ก็คือการที่พนักงานที่ทำงานแบบ Hybrid สามารถเข้าถึงเครื่องมือ, แอปพลิเคชัน และความสามารถที่จำเป็นต่อการทำงานจากที่บ้านได้เสมือนกับทำงานในออฟฟิศ ซึ่งโซลูชัน EdgeConnect Microbranch สามารถตอบโจทย์นี้ได้ด้วยการเพิ่มบริการ SD-WAN และ SASE เข้าไปในการเชื่อมต่อ, การควบคุมการใช้งานตามสิทธิ, การบริหารจัดการ และการวิเคราะห์ข้อมูล ตามที่เคยได้รับบน Aruba RAP โดยไม่ต้องมีการเพิ่มอุปกรณ์ หรือ ติดตั้งซอฟต์แวร์ Agent ในอุปกรณ์ใดๆ ซี่งการที่ไม่ต้องเพิ่มอุปกรณ์ใดๆ ที่บ้านของพนักงาน, ออฟฟิศขนาดเล็ก หรือพื้นที่ชั่วคราวที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่และไม่มีบุคลากร IT ประจำอยู่นี้ก็ถือเป็นประเด็นที่สำคัญ อย่างเช่น การใช้งานในหน้าร้านชั่วคราว, จุดติดตั้ง Kiosk หรือ ศูนย์บริการสุขภาพเคลื่อนที่ เป็นต้น

บริการ EdgeConnect Microbranch ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยมุ่งเน้นการเอาชนะความท้าทายในการทำงานจากระยะไกลเป็นหลัก อย่างเช่น การรับประกันประสิทธิภาพในแง่การตอบสนองของแอปพลิเคชันในกลุ่ม Unified Communication and Collaboration (UCC) ในขณะที่ยังคงต้องมั่นใจได้ในความมั่นคงปลอดภัย และรองรับอุปกรณ์เครือข่ายที่ต้องการแบนด์วิดธ์สูงในจำนวนที่มากขึ้น

บริการของ EdgeConnect Microbranch ที่เปิดตัวมาใหม่นี้มีความสามารถที่หลากหลาย เช่น การทำ Policy-based Routing ที่ช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถทำการปรับปรุงเส้นทางการรับส่งข้อมูลของแอปพลิเคชันได้ และการทำ Air Slice ที่สามารถแบ่งส่วนสัญญาณของ AP ไปรองรับแอปพลิเคชันเฉพาะ เพื่อเพิ่มคุณภาพการเชื่อมต่อเครือข่ายด้วยการปรับให้ระบบ Video Conference ได้รับความสำคัญที่สูงกว่าระบบ Video เพื่อความบันเทิง และทำการส่งทราฟฟิกของระบบ Video Conferencing ตรงไปยังผู้ให้บริการ SaaS ที่ได้รับความเชื่อถือโดยไม่ต้องส่งกลับ Data Center เพื่อทำการตรวจสอบที่ไม่จำเป็น เป็นต้น

"EdgeConnect Microbranch ช่วยให้องค์กรมีแนวทางใหม่ที่ทันสมัยและรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากในการทำงานจากระยะไกล และสร้างประสบการณ์การทำงานจากที่บ้านให้ทัดเทียมกับการทำงานในออฟฟิศได้" Larry Lunetta ผู้ดำรงตำแหน่ง VP of Solutions Portfolio Marketing แห่ง Aruba บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise กล่าว "ในขณะที่บางคนยังคงเชื่อว่า ความปลอดภัยเป็นความสามารถเดียวที่จะขยายไปถึง AP/Router ได้ ซึ่งโดยมากจะต้องมีการเพื่อเติมอุปกรณ์เพื่อการนี้ แต่ EdgeConnect Microbranch สามารถตอบโจทย์ทั้งหมดได้อย่างครอบคลุมด้วยการใช้แนวทางแบบ Cloud ทำให้บริการด้านระบบเครือข่ายทั้งหมดขององค์กรสามารถเพิ่มขยายไปสู่ระบบเครือข่ายที่บ้านได้อย่างครบถ้วนผ่าน Access Point เพียงชุดเดียวเท่านั้น"

ด้วยการเสริมประสบการณ์การทำงานจากที่บ้านผ่าน RAP ด้วยความสามารถ SD-WAN นี้ ทำให้ EdgeConnect Microbranch กลายเป็นโซลูชันในอุดมคติสำหรับการทำงานแบบ Hybrid เช่น การทำงานในระบบ Contact Center, การให้บริการ Telehealth และการบริหารจัดการระบบไอที ซึ่งความต่อเนื่องในการเชื่อมต่อและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยล้วนเป็นสิ่งสำคัญ

EdgeConnect Microbranch คือโซลูชันชั้นนำของวงการที่เหนือกว่าแนวทางแบบดั้งเดิมซึ่งเคยต้องติดตั้งอุปกรณ์จำนวนมากภายในออฟฟิศขนาดเล็กหรือที่บ้าน เพื่อนำเสนอบริการ SD-WAN และ SASE หรือเมื่อเทียบกับระบบทั่วไปที่มักใช้อุปกรณ์ในระดับผู้บริโภคสำหรับรองรับการทำงานเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งขาดทั้งความสามารถในการบริหารจัดการและการทำงานที่ครอบคลุม

รวมความสามารถใหม่และคุณประโยชน์จาก SD-WAN ได้ โดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ Gateway เพิ่มเติม

  1. Policy-based Routing: ช่วยให้ฝ่ายไอทีให้บริการแอปพลิเคชันได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงปลอดภัยบนนโยบายที่กำหนดเอาไว้และบังคับใช้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้สอดรับต่อ Service-Level Agreement (SLA) สำหรับแอปพลิเคชัน, เว็บไซต์ และกลุ่มของผู้ใช้งานที่ต้องการ
  2. Tunnel and Route Orchestration: ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายด้วยการจัดการ VPN Tunnel ได้ตามต้องการ และปรับเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลไปใช้งานเส้นทางที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดโดยอัตโนมัติ
  3. SASE Integration: ให้บริการการเชื่อมต่อที่มั่นคงปลอดภัยไปยังบริการ Cloud Security อย่างเช่น Zscaler โดยตรงผ่าน AP โดยมี Aruba Central คอยบริหารจัดการการเชื่อมต่อและการตั้งค่าจากศูนย์กลาง
  4. Enhanced WAN Visibility: แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานด้วยการอัปเดตข้อมูลด้านความพร้อมในการให้บริการ, สัดส่วนการใช้งาน, และปริมาณการใช้งานของ WAN ด้วยการตรวจสอบ Latency, Jitter และประเด็นปัญหาในการเชื่อมต่ออื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อ ISP ที่เดิมทีฝ่ายไอทีไม่สามารถตรวจสอบได้มาก่อน

ความสามารถเหล่านี้ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากความสามารถเดิมของโซลูชัน Aruba Remote Access ได้แก่:

  1. Traffic Prioritisation: แบ่งคลื่นสัญญาณให้กับแอปพลิเคชันหนึ่งๆ และปรับเปลี่ยนการจัดสรรนี้เมื่อเซสชันของแอปพลิเคชันนั้นเริ่มต้นหรือจบลง
  2. Massive Scalability: สนับสนุนการติดตั้งใช้งานแบบ Zero Touch และบริหารจัดการผู้ใช้งานได้หลายหมื่นรายผ่านบริการ Cloud ของ Aruba Central และ AOS 10
  3. Improved Uptime and Reliability: ใช้เครื่อข่ายโทรศัพท์เคลื่อที่เป็นเส้นทางสำรองได้ผ่าน USB ในกรณีที่การเชื่อมต่อไปยังที่บ้านหรือออฟฟิศขนาดเล็กผ่าน ISP ขาดหายไป

"เมื่อแนวโน้มการทำงานจากระยะไกลกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไอทีจะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบการเชื่อมต่อให้ได้อย่างมั่นใจ, การบริหารจัดการให้ได้อย่างง่ายดาย และการปกป้องทุกการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันหรือข้อมูลสำคัญให้มั่นคงปลอดภัยสำหรับพนักงานทุกคนจากทุกสถานที่" Chris DePuy นักวิเคราะห์เทคโนโลยีแห่ง 650 Group กล่าว "การเพิ่มขยายเฟรมเวิร์ค Zero Trust และ SASE ไปยังที่บ้านหรือออฟฟิศขนาดเล็กได้นี้จะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากต่อองค์กรที่ต้องการมุ่งไปสู่การทำงานแบบ Hybrid Workplace"

ราคาและการวางจำหน่ายโซลูชัน Aruba EdgeConnect Microbranch นี้เปิดให้ใช้งานได้แล้วในแบบ Early Access และเปิดให้ใช้งานได้ทั่วไปในเดือนมีนาคมปีหน้าสำหรับทุกอุปกรณ์ AP ที่ใช้งาน ArubaOS 10 ซึ่งติดตั้ง Foundation AP License (รวมถึง AP ที่รองรับซึ่งถูกใช้งานและบริหารจัดการด้วย Central) Aruba Central Foundation License จะวางจำหน่ายที่ราคา $145 ต่อ AP ในส่วนราคาของอุปกรณ์ AP จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละรุ่น โดยจะมีราคาเริ่มต้นที่ $575.00 สำหรับ รุ่น Aruba 303H Series

เกี่ยวกับ Aruba บริษัทในเครือฮิวเล็ตแพ็กการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์

Aruba บริษัทในเครือฮิวเล็ตแพ็กการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์เป็นผู้นำระดับโลกทางด้านโซลูชันระบบเครือข่ายแบบ Edge-to-Cloud ที่มีความมั่นคงปลอดภัยและความชาญฉลาดซึ่งใช้ AI เพื่อบริหารจัดการระบบเครือข่ายแบบอัตโนมัติและใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ทรงพลัง ด้วย Aruba ESP (Edge Services Platform) และทางเลือกในแบบ as-a-service ทำให้ Aruba สามารถใช้แนวทางแบบ Cloud-Native เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถตอบโจทย์ความต้องการในการเชื่อมต่อเครือข่าย, การรักษาความมั่นคงปลอดภัย และประเด็นทางการเงินสำหรับระบบเครือข่ายภายในพื้นที่ทำงาน, สาขา, ศูนย์ข้อมูล และการทำงานจากระยะไกลได้อย่างครบถ้วน ครอบคลุมทั้งระบบเครือข่ายแบบมีสาย, ไร้สาย และ Wide Area Network (WAN)

ถ้าหากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม Aruba ได้ที่ www.arubanetworks.com โดยสำหรับข่าวสารในแบบทันท่วงที กรุณาติดตาม Aruba ที่ Twitter และ Facebook และสำหรับการพูดคุยเชิงเทคนิคเกี่ยวกับการเชื่อมต่อเครือข่ายจากทุกที่ทุกเวลาและผลิตภัณฑ์จของ Aruba กรุณาเยี่ยมชม Airheads Community ที่ community.arubanetworks.com

 

 

ที่มา: นิวเวฟ มาร์เก็ตติ้ง เน็ตเวิร์ค

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง