เอส ไอ จี เป็นผู้นำการให้บริการระบบและโซลูชันชั้นนำสำหรับบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2396 มีสำนักงานใหญ่ในเมืองนอยเฮาเซิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดำเนินงานโดยร่วมมือกับลูกค้าในการนำผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มไปสู่ผู้บริโภคทั่วโลกในวิธีที่ปลอดภัย ยั่งยืน และแนวทางที่คุ้มค่า สมรรถนะทางเทคโนโลยีเฉพาะตัวและนวัตกรรมอันโดดเด่นของเอส ไอ จี ช่วยให้ลูกค้ามีโซลูชันแบบครบวงจรสำหรับผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง โรงงานที่ใช้ระบบอัจฉริยะมากขึ้น และบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อมต่อกับโลกดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เอส ไอ จี ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนโดยนำมาใช้ภายใต้แนวทาง "ยิ่งกว่าเยี่ยม" หรือ "Way Beyond Good" เพื่อสร้างระบบบรรจุภัณฑ์อาหารที่ส่งผลบวกต่อสังคมมากกว่าผลเสีย
เมื่อทั้งสองบริษัทควบรวมกิจการตั้งเป็นบริษัทใหม่แล้ว ก็จะจ้างพนักงานเกือบ 8,000 คนในสถานที่จำหน่ายและผลิตทั่วโลกทั้ง 69 แห่ง โดยทีมงานจะให้บริการลูกค้าที่เป็นบริษัทระดับบลูชิปใน 6 ทวีป ทั้งสองจะแชร์ความสามารถทางเทคโนโลยีรวมถึงการวิจัยและพัฒนาร่วมกันในด้านซับสเตรตกระดาษหมุนเวียน การรีดเป็นแผ่นฟิล์ม การฉีดขึ้นรูป และเครื่องบรรจุ โดยใช้ทัศนคติการผลิตแบบอุตสาหกรรม 4.0 พร้อมแรงขับที่จะเป็นพันธมิตรบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนระดับชั้นนำของโลก
คุณซามูเอล ซิกริสต์ (Samuel Sigrist) ซีอีโอของเอส ไอ จี กล่าวถึงการควบรวมกิจการครั้งนี้ว่า "การเข้าซื้อชอลลี ไอพีเอ็น ช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำระดับโลกของเอส ไอ จี ในด้านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีความยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายทางภูมิศาสตร์และหมวดหมู่ของเรา ตามด้วยผลประโยชน์ร่วมในตลาดหลักต่าง ๆ เมื่อส่งมอบประโยชน์ที่ชัดเจนให้แก่ลูกค้า ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมแล้ว เราจะขับเคลื่อนคุณค่าให้เกิดขึ้นแก่ผู้ถือหุ้นได้"
เอส ไอ จี กับชอลลี ไอพีเอ็น เมื่อควบรวมกันแล้วจะสามารถเปิดรับตลาดปลายทางที่เติบโตและแข็งแกร่งได้มากขึ้น โดยชุดโซลูชันกล่องอาหารและเครื่องดื่มที่มีความยั่งยืนในระดับผู้นำตลาดของเอส ไอ จี จะขยายรวมถึงถุงในกล่อง (Bag in Box) และถุงพร้อมฝาของชอลลี ไอพีเอ็น สำหรับกลุ่มลูกค้าขายปลีก ลูกค้าสถาบัน และลูกค้าอุตสาหกรรม
คุณลอเรนส์ ลาสต์ (Laurens Last) ประธานและเจ้าของบริษัทชอลลี ไอพีเอ็น แถลงว่า "ผมตื่นเต้นยินดีไปกับอนาคตของทั้งสองกิจการที่ควบรวมกันแล้ว และผมจะตั้งตาคอยชมนวัตกรรมร่วมกันของเรา โดยที่เอส ไอ จี ต่อยอดการพัฒนาซับสเตรตบรรจุภัณฑ์และโซลูชันที่อยู่แถวหน้าในเรื่องของความยั่งยืน" ทั้งนี้ คุณลาสต์จะได้รับการเสนอชื่อเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริษัทเอส ไอ จี ในการประชุมสามัญประจำปีของบริษัทในวันที่ 7 เมษายน 2565
คุณรอสส์ บุชเนล (Ross Bushnell) ประธานและซีอีโอของชอลลี ไอพีเอ็น จะยังคงนำธุรกิจเดิมของชอลลี ไอพีเอ็น ต่อไป และจะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารเครือบริษัทเอส ไอ จี เมื่อควบรวมกิจการเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งคุณบุชเนลให้ความเห็นว่า "เอส ไอ จี กับชอลลี ไอพีเอ็น เป็นธุรกิจที่เกื้อกูลกันอย่างสูงในแง่ของแนวทางตลาดและการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในผลิตภัณฑ์ของเรา ผมเชื่อว่าการรวมกันระหว่างจิตวิญญาณแห่งความเป็นผู้ประกอบการ การตอบสนองต่อตลาดอย่างรวดเร็ว และความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาร่วมกัน จะเปิดทางให้เราได้เร่งสร้างนวัตกรรมเพื่อลูกค้าของเราและตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดร่วมในด้านโซลูชันบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน โดยเฉพาะในบริการบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อและบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุประเภทเดียวกันทั้งหมด ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในบรรจุภัณฑ์สำหรับเศรษฐกิจหมุนเวียน"
การควบรวมกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นก่อนสิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2565 โดยเป็นไปตามเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.scholleipn.com หรือ https://www.sig.biz/en
###
เกี่ยวกับชอลลี ไอพีเอ็น
ชอลลี ไอพีเอ็น คือผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนตัวครบวงจร เช่น ฟิล์มป้องกันการซึมผ่าน ฝาบรรจุภัณฑ์จับถนัดมือ รวมถึงเครื่องบรรจุและซีลที่ทันสมัยสำหรับบรรจุภัณฑ์แบบถุงและถุงในกล่อง (Bag in Box) บริษัทมีโซลูชันบรรจุภัณฑ์ครบวงจร จึงสามารถออกแบบ ผลิต และส่งมอบโซลูชันให้แก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และลูกค้าเหล่านี้ก็ส่งมอบผลิตภัณฑ์ของเหลวนับพันล้านชิ้นให้แก่ผู้บริโภคในแต่ละปี ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.scholleipn.com
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1737962/ScholleIPN_SIG_acquisition.jpg
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1193656/Scholle_IPN_Logo.jpg