ไรอัน ติง ผู้บริหารระดับสูงจากหัวเว่ย เผยกลยุทธ์ธุรกิจ "GUIDE" มุ่งยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัล

พฤหัส ๐๓ มีนาคม ๒๐๒๒ ๑๔:๓๐
ณ งานประชุมระดับโลก Huawei Day0 Forum ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ก่อนวันงาน MWC22 นายไรอัน ติง กรรมการบริหารของหัวเว่ยและประธานกลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการโทรคมนาคม ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ "Lighting up the Future" หรือ "จุดประกายแห่งอนาคต" โดยกล่าวว่า กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคมสามารถดำเนินธุรกิจร่วมกันได้โดยคำนึงถึง 3 ปัจจัย ได้แก่ ความหนาแน่นของการเชื่อมต่อ ความหลากหลายของระบบประมวลผล และความมุ่งมั่นด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ เขายังได้เรียกร้องให้กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคมร่วมดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ "GUIDE" ซึ่งเป็นแผนแม่บททางธุรกิจของหัวเว่ย เพื่อร่วมกันสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่ดียิ่งขึ้นไปพร้อมกัน
ไรอัน ติง ผู้บริหารระดับสูงจากหัวเว่ย เผยกลยุทธ์ธุรกิจ GUIDE มุ่งยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัล

เศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลกกำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว และคาดว่าภายในปี พ.ศ. 2565 มากกว่า 50% ของผลิตภัณฑ์
มวลรวมระดับประเทศ (GDP) ของทั้งโลกจะถูกเปลี่ยนผ่านสู่รูปแบบดิจิทัล ในหลายๆ ประเทศและภูมิภาคอย่างเช่น จีน เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป ต่างประกาศแผนการลงทุนจำนวนมหาศาลสำหรับรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล และในฐานะ
ผู้ให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานทางไอซีที ผู้ให้บริการทางโทรคมนาคมจะก้าวเข้ามามีบทบาทที่สำคัญยิ่งขึ้น ในด้านการเป็นผู้นำการพัฒนาสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต

เครื่องมือสำคัญ 3 ประการที่ช่วยกำหนดอนาคตของเศรษฐกิจแบบดิจิทัล

ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ นายติงยังได้อธิบายว่า ความสำคัญของเศรษฐกิจแบบดิจิทัลสามารถประเมินได้จาก
3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ความหนาแน่นของการเชื่อมต่อ ความหลากหลายของระบบประมวลผล และความมุ่งมั่นด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยปัจจัยเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญของกลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคมสำหรับการกำหนดอนาคตของเศรษฐกิจดิจิทัล

ด้วยการเพิ่มความหนาแน่นของการเชื่อมต่อ จะทำให้กลุ่มผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมเพิ่มจำนวนฐานผู้ใช้เทคโนโลยี 5G พร้อมทั้งขยายความครอบคลุมของธุรกิจของพวกเขาได้ และด้วยการเพิ่มความหลากหลายของทรัพยากรด้านการประมวลผลจะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการโครงข่ายพัฒนาการผสานระหว่างการเชื่อมต่อและระบบไอที เพื่อยกระดับการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลในระดับองค์กรและสร้างการเติบโตใหม่ๆ สำหรับด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โซลูชันด้านไอซีทีที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมรูปแบบใหม่ๆ อย่างโซลูชันจากหัวเว่ยจะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านโครงข่ายและลดการใช้พลังงานต่อบิต เพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

เทคโนโลยี 5G ได้พัฒนามาอย่างยาวไกล

การเปิดใช้งานเครือข่าย 5G ในเชิงพาณิชย์เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว นับแต่นั้นมา จำนวนของเครือข่าย ผู้ใช้งาน และอุปกรณ์ด้าน 5G ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในปี พ.ศ. 2564 มีผู้ให้บริการทางโทรคมนาคมกว่า 200 ราย ที่เปิดให้บริการเครือข่าย 5G ในเชิงพาณิชย์ ให้บริการผู้ใช้งานบนเครือข่าย 5G มากกว่า 700 ล้านคน ปัจจุบัน มีอุปกรณ์ 5G ที่ได้รับการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์มากกว่า 1,200 ชิ้น ฐานผู้ใช้งานที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องนำมาซึ่งผลตอบแทนทางธุรกิจแก่กลุ่มผู้ให้บริการทางโทรคมนาคม อีกทั้งยังช่วยขับเคลื่อนการขยายโครงข่ายอย่างไม่หยุดยั้ง

นายติงยังได้แบ่งปันเรื่องราวความสำเร็จของเครือข่าย 5G จากผู้ให้บริการทางโทรคมนาคมหลากหลายราย และแสดง
ให้เห็นว่าแอปพลิเคชัน 5G ใหม่ๆ อย่างเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) และสื่อวิดีโอรูปแบบใหม่ สามารถส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้ใช้งานได้อย่างไร นอกจากนี้ โมเดลการกำหนดราคาของการใช้บริการเครือข่าย 5G ที่ยืดหยุ่นยังเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ใช้งานและผู้ให้บริการเครือข่าย และยังช่วยผลักดันให้ฐานผู้ใช้งานเครือข่าย 5G สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

ในประเทศจีน ได้มีการติดตั้งเครือข่าย 5GtoB (5G สำหรับการใช้งานระดับองค์กรธุรกิจ) แบบส่วนตัวในวงกว้างสำหรับหลากหลายภาคอุตสาหกรรม โดยภายในสิ้นปี พ.ศ. 2564 หัวเว่ยได้ลงนามในสัญญา 5GtoB เชิงพาณิชย์กับผู้ให้บริการเครือข่ายและพาร์ทเนอร์ในจีนมากกว่า 3,000 ฉบับ ด้วยประสบการณ์มหาศาลด้านการนำเทคโนโลยี 5G ไปประยุกต์ใช้กับแวดวงอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นก็คือ เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน (Inner Mongolia) ของประเทศจีน ซึ่งมีการใช้งานเครือข่าย 5G ในเหมืองถ่านหินเพื่อควบคุมหัวตัดถ่านหินจากทางไกล ส่งผลให้คนงานเหมืองถ่านหินได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้นนับตั้งแต่มีการติดตั้งเครือข่าย 5G

ผสานการเชื่อมต่อและนวัตกรรมไอทีเพื่อการเติบโตครั้งใหม่

นายติงยังได้ระบุว่าเนื่องจากภาคอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิทัลมากขึ้น จึงจำเป็นต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีขึ้นใหม่ เพื่อผลักดันประสิทธิภาพของการปฏิบัติการให้ดียิ่งขึ้น หัวเว่ยจึงผสานเทคโนโลยีไอทีกับซีที คลาวด์กับเอดจ์ และคลาวด์กับเครือข่ายเข้าด้วยกัน โดยมุ่งหวังให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลและเทคโนโลยีอัจฉริยะ รวมทั้งประสบความสำเร็จด้านการเติบโตทางรายได้ครั้งใหม่ เช่น ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โซลูชัน OneStorage ของหัวเว่ยช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายรายหนึ่งลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ได้ถึงร้อยละ 30

ไอซีทีสีเขียว: บิตมากขึ้น วัตต์น้อยลง

ไอซีทีสีเขียวคือกุญแจดอกสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในเศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมไอซีทีได้ส่งมอบเทคโนโลยีใหม่ซึ่งช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลงได้ คาดว่าสัดส่วนการลดลงนี้จะมากกว่าการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของอุตสาหกรรมไอซีทีเองถึง 10 เท่า โดยภายในงานประชุมดังกล่าว นายติงยังได้กล่าวถึงกลยุทธ์สีเขียวของหัวเว่ย นั่นคือ "บิตมากขึ้น วัตต์น้อยลง" (More Bits, Less Watts) ด้วยโซลูชันสีเขียวจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นไซต์สีเขียว เครือข่ายสีเขียว และการปฏิบัติการสีเขียว หัวเว่ยมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพเครือข่ายของผู้ให้บริการและลดการใช้พลังงานต่อบิตลง นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอดัชนีชี้วัดการเกิดคาร์บอนต่อจีดีพีในเครือข่าย (Network Carbon Intensity) เพื่อบ่งบอกถึงปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของอุตสาหกรรมไอซีที และช่วยเหลือบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายในการทำให้
กลยุทธ์สีเขียวเป็นจริง

ในช่วงท้ายของสุนทรพจน์ นายติงยังได้นำเสนอแผนแม่บททางธุรกิจของหัวเว่ยในชื่อ GUIDE ที่มุ่งเป้าช่วยเหลือผู้ให้บริการเครือข่ายในการพัฒนาศักยภาพสำคัญ 5 ประการซึ่งจำเป็นต่อการประสบความสำเร็จทางธุรกิจ ได้แก่ การขยายบริการ การสร้างนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากร การแข่งขันทางมูลค่า และการสร้างประโยชน์ต่อสังคม
งานมหกรรม MWC Barcelona 2022 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 3 มีนาคม พ.ศ. 2565 ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน หัวเว่ยจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่บูธ 1H50 ห้อง Fira Gran Via Hall 1 โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายจากทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรม และผู้นำทางความคิด เพื่อเจาะลึกในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
เทรนด์อุตสาหกรรม แผนแม่บท GUIDE สู่อนาคต และการพัฒนาสีเขียว เพื่อแสดงวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของเครือข่ายดิจิทัล โปรดติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://carrier.huawei.com/en/events/mwc2022

ที่มา: คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง