ไม่ว่าจะฤดูไหน? แต่สำหรับบ้านเราแล้วอากาศก็ร้อนแทบทุกวันอยู่แล้วและตอนนี้ประเทศไทยก็ได้เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว จึงยิ่งทำให้ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวเนื่องจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอากาศร้อนๆ แบบนี้ อาจส่งผลทำให้เกิดโรคต่างๆได้ง่าย โดยผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง ได้แก่ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เด็ก หญิงตั้งครรภ์ และโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากสุขภาพร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง ประกอบกับผู้ที่อยู่ในวัย 60 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่มักมีโรคประจำตัวและโรคเรื้อรัง จึงทำให้เจ็บป่วยได้ง่ายกว่าคนวัยหนุ่มสาว หากต้องเผชิญกับอากาศร้อนนานๆ อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้
ในช่วงที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว โรคที่ผู้สูงอายุต้องระวังและพบได้บ่อยในช่วงอากาศร้อน คือ
- โรคลมแดดหรือฮีตสโตรก (Heat Stroke)เกิดจากการที่ผู้สูงอายุอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูงและได้รับความร้อนมากเกินไป ส่งผลให้การทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตและระบบสมองผิดปกติ ซึ่งสัญญาณเตือนที่สำคัญของโรคฮีตสโตรก คือ ไม่มีเหงื่อออกแม้จะอากาศร้อน หน้าแดง ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกกระหายน้ำมาก เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียนมึนงง สับสน ความรู้สึกตัวลดน้อยลง อาจหมดสติ หัวใจเต้นเร็วแต่แผ่วเบา ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องและทันเวลา อาจทำให้หัวใจหยุดเต้น และถึงแก่ชีวิตได้การป้องกันและดูแลผู้สูงอายุคือไม่ควรให้ตากแดด หรือเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงบ่ายโมงไปถึง 4 โมงเย็น และควรจิบน้ำเปล่าให้บ่อยที่สุดในวันที่มีอากาศร้อนจัด สวมแว่นกันแดดและกางร่มก่อนออกจากบ้านควรสวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีอ่อน โปร่ง ไม่หนา น้ำหนักเบา และสามารถระบายอุณหภูมิความร้อนและป้องกันแสงแดดได้
- ท้องเสีย ในช่วงอากาศร้อน เชื้อโรคต่างๆ จะเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียซึ่งจะทำให้อาหารบูดสียได้ง่ายกว่าปกติ ถ้ากินอาหารไม่สะอาด อาการท้องเสียจะตามมาได้ง่ายขึ้น วิธีป้องกัน คือ ควรยึดหลักกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เพื่อลดการติดเชื้อ และไม่กินอาหารที่ตั้งทิ้งไว้นานๆ หรือหากทานอาหารไม่หมดควรเก็บเข้าตู้เย็นเพื่อให้อาหารไม่บูดเสีย
- ผิวหนังแสบ แดง เป็นผื่น เกิดจากการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานานๆ โดยปราศจากสิ่งป้องกัน ทำให้ผิวหนังของผู้สูงอายุเกิดอาการไหม้ เกรียม แสบ และแดงเป็นผื่นได้ จึงควรดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ เพื่อสร้างความชุ่มชื่นให้แก่ผิวพรรณและควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++ ป้องกันทั้งผิวหน้าและผิวกายก่อนออกแดดประมาณ 20 นาทีเพื่อปกป้องผิวหนังจากแสงแดด
ทั้งนี้หากพบอาการผิดปกติของผู้สูงอายุที่อาจเกิดจากโรคบางอย่างควรรีบพามาพบแพทย์ ตรวจวินิจฉัยรักษาและหาแนวทางป้องกันร่วมกัน
นอกจากการดูแลเรื่องของสุขภาพแล้ว เราก็ต้องดูแลสภาวะอารมณ์ของผู้สูงอายุด้วย โดยการดูแลอย่างใจเย็น พูดคุยอย่างมีศิลปะ รวมถึงสร้างบรรยากาศให้แจ่มใสอยู่เสมอสังคมไทยเป็นสังคมครอบครัวใหญ่ การมีผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน จึงเป็นเรื่องที่พบเห็นกันเกือบทุกครัวเรือน หากท่านอยู่กับเราแล้วก็ควรดูแลเอาใจใส่ท่านให้เหมือนที่ท่านเคยดูแลเอาใจใส่เราตอนเด็กๆ นะครับ..
ที่มา: โรงพยาบาลรามคำแหง