ภายในพิธีการ มร. เจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวว่า "ในบริบทของการดำเนินงาน ตามความตกลงร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ให้มีประสิทธิภาพนั้น เบสท์ฯ ยังคงลงทุนในทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถ เงินทุนและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอัตโนมัติต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน เบสท์ เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย มีศูนย์กระจายสินค้า หรือฮับ (HUB) ครอบคลุมทั่วประเทศ แม้สินค้าที่ต้องจัดส่งจะมีขนาดใหญ่ อย่างเช่น เครื่องปรับอากาศ เบสท์ฯ ก็จะสามารถกระจายสินค้าเหล่านี้ให้ถึงลูกค้าในทั่วทุกพื้นที่ได้อย่างแน่นอน"
มร. โทนี่ หลิว (Tony Liu), MD Consumer Appliance (Thailand) Co., Ltd. ได้กล่าวว่า "เบสท์ เอ็กซ์เพรส ได้เข้ามาช่วยส่งของชิ้นใหญ่ให้กับแบรนด์ไมเดียครั้งนี้ทำให้เราได้บริการส่งผลิตภัณฑ์ถึงมือลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกสบายตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น ด้วยบริการขนส่งสินค้าที่มีคุณภาพของ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ในบริการต่าง ๆ อาทิ บริการส่งสินค้าหลายชิ้นรวมกันในหนึ่งเวย์บิลสู่ปลายทางเดียวกัน (BEST Multiple Parcel) และทางไมเดียหวังว่าการร่วมมือทางธุรกิจร่วมกันระหว่าง เบสท์ เอ็กซ์เพรส (BEST Express) และไมเดีย (Midea) ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างสัมพันธ์และโอกาสทางธุรกิจที่ดีระหว่าง 2 องค์กร เพื่อสร้างประสบการณ์บริการที่ดีสู่ลูกค้าผู้มีอุปการะคุณของเรา"
ทาง Midea จะมีการขายสินค้าหลากหลายประเภท เช่น สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัว และสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเกี่ยวกับน้ำ ผ่าน 2 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของประเทศ เป็นที่รู้กันดีว่า Midea Group ได้มีการก่อตั้งและพัฒนายุทธศาสตร์ในประเทศต่าง ๆ หลายทวีป อาทิ สหรัฐอเมริกา บราซิล เยอรมนี ญี่ปุ่น และอาเซียน สู่ระดับโลก ในปี 2563 Midea เข้าซื้อกิจการ Hitachi Compressor Thailand และควบรวมการจัดการให้เป็นหนึ่งเดียวกับกลุ่มธุรกิจเครื่องกลไฟฟ้า ในปี 2564 Midea ได้เริ่มลงทุนก่อสร้างโรงงานอัจฉริยะในประเทศไทย โรงงานจะมีกำลังผลิตโดยรวมอยู่ที่ 4 ล้านชุดต่อปี ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศในครัวเรือนที่ใหญ่ที่สุดในต่างประเทศของ Midea เท่านั้น แต่จะเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศในครัวเรือนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
ในกระบวนการขนส่งสินค้า สินค้าขนาดใหญ่จะมีกระบวนการที่มากและซับซ้อนกว่าสินค้าขนาดเล็ก ในแง่ของการขนส่งและบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว เบสท์ เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย ได้เปิดตัวบริการขนส่งพัสดุด่วนสำหรับสินค้าขนาดใหญ่ (BEST Big Parcel) ได้ถึง 100 กิโลกรัม และสามารถรองรับน้ำหนักปริมาตรได้สูงสุดถึง 300 กิโลกรัม ซึ่งลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์แล้วเพลิดเพลินไปกับบริการจัดส่งพัสดุด่วนถึงหน้าบ้าน (Door to door) รวมถึงสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งพัสดุด่วนแบบอัตโนมัติได้ง่ายด้วยบริการ BEST Tracking Alert (แจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติ) ผ่าน LINE Official Account: @BESTExpressTH ได้อีกด้วย
เบสท์ฯ ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี 2561 และได้เปิดให้บริการขนส่งพัสดุด่วนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562 และขณะนี้ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย ได้ติดอันดับหนึ่งในห้าของส่วนแบ่งตลาดขนส่งพัสดุด่วนในประเทศ และตั้งแต่ต้นปีนี้ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย ได้มีการร่วมมือกับบริษัทต่างชาติที่มีชื่อเสียงหลายแห่งอีกมากมาย
ที่มา: ZOOMPR