โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เผยรายละเอียดโครงการพิเศษเพื่อสนองพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการผลักดันและนำเอา "น้ำมันเมล็ดคามีเลีย" หรือที่รู้จักกันในนาม "น้ำมันเมล็ดชา" มาประกอบเมนูอาหารหลากหลายชนิดที่โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน สมุย ภูเก็ต กระบี่ อุดรธานี และแม่สอด รวมทั้งหมด 13 แห่งทั่วประเทศ
จากผลการศึกษาของศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน มูลนิธิชัยพัฒนา พบว่าน้ำมันเมล็ดคามีเลียที่เป็นที่รู้จักในประเทศจีนมายาวนานกว่า 1,000 ปีนั้นมีประโยชน์มากมาย จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "น้ำมันมะกอกแห่งโลกตะวันออก" นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ช่วยลดคอเลสเตอรอลและยังเพิ่มปริมาณไขมันดีให้กับร่างกาย จึงสามารถช่วยลดไขมันในเลือดและลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเบาหวานได้ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยโอเมก้า-3 โอเมก้า-6 กรดไขมันโอเมก้า-9 ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง หัวใจ ผิวพรรณ และซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกายอีกด้วย โดยน้ำมันเมล็ดคามีเลียสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายประเภท ทั้งการปรุงอาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูงอย่างการทอด รวมถึงสามารถใช้เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร อาทิ ซอสสำหรับการหมัก จิ้ม และเป็นน้ำสลัด โดยเชฟของเซ็นทาราจะรังสรรค์เมนูพิเศษต่างๆ ที่ปรุงจากน้ำมันเมล็ดคามีเลีย รวมถึงจัดวางที่สลัดบาร์ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ความอร่อยที่ดีต่อสุขภาพในหลากหลายเมนู
"ปัจจุบันแขกผู้เข้าพักใส่ใจสุขภาพและโภชนาการมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เซ็นทาราจึงส่งเสริมการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและเพิ่มเมนูเพื่อสุขภาพให้มีมากขึ้น โดยเซ็นทาราได้รับการสนับสนุนจากโครงการร้านภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา ในการนำน้ำมันเมล็ดคามีเลียมาใช้ประกอบเมนูอาหารต่างๆ ที่โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เพื่อร่วมส่งเสริมการสร้างมื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพให้แก่คนไทย" สุพัตรา จิราธิวัฒน์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และภาพลักษณ์ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าว
เซ็นทาราจะนำน้ำมันเมล็ดคามีเลียมาประกอบเมนูอาหารหลากหลายชนิดที่โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน สมุย ภูเก็ต กระบี่ อุดรธานี และแม่สอด รวมทั้งหมด 13 แห่งทั่วประเทศ ตลอดเดือนเมษายน 2565 นี้
ที่มา: โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา
