นายสำเริงกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในด้านการช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรปัจจุบัน จากข้อมูลพื้นที่ขอรับบริการฝนหลวง (ประจำวันที่ 16 - 19 เมษายน 2565) จากทั่วทุกภูมิภาคพบว่า มีจำนวนรวม 31 จังหวัด 71 อำเภอ โดยมีผู้ขอรับบริการฝนหลวง จำนวนรวม 87 ราย ได้แก่ พื้นที่ภาคเหนือจำนวน 15 ราย ภาคกลาง จำนวน 28 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 16 ราย ภาคตะวันออก จำนวน 26 ราย และภาคใต้ จำนวน 2 ราย ซึ่งจากผลการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.เชียงใหม่ ตาก พิษณุโลก แพร่ และอ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงสามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ อ.งาว แม่พระ จ.ลำปาง อ.เมืองแพร่ สูงเม่น ลอง จ.แพร่ อ.สันติสุข จ.น่าน อ.บ้านโป่ง ราชบุรี และเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ อ่างเก็บน้ำแม่จางและอ่างเก็บน้ำแม่ขาม จ.ลำปาง อีกด้วย
สำหรับแผนการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ (20 เม.ย. 2565) หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 6 หน่วยฯ ในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ตอนบน มีแผนบินปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร และเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักเขื่อนสิริกิติ์และอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ รวมถึงปฏิบัติภารกิจยับยั้งและบรรเทาความรุนแรงของการเกิดพายุลูกเห็บ บริเวณภาคเหนือตอนล่างสำหรับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง อีก 5 หน่วยฯ ยังคงเฝ้าติดตามสภาพอากาศ รวมถึงสถานการณ์ของพายุลูกเห็บ และปัญหาฝุ่นละออง หมอกควัน-ไฟป่า เพื่อเตรียมพร้อมวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทันที
ทั้งนี้ พี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ที่ช่องทางเพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account TikTok : @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100 นายสำเริง กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: กรมฝนหลวงเเละการบินเกษตร