NPS ปรับกลยุทธ์รับผลกระทบจากสงคราม มุ่งลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ

อังคาร ๒๖ เมษายน ๒๐๒๒ ๑๒:๑๘
NPS ปรับกลยุทธ์รับผลกระทบจากสงคราม มุ่งลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ปรับเปลี่ยนใช้เชื้อเพลิงชีวมวลเต็มรูปแบบ เร่งรัดติดตั้งโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำให้แล้วเสร็จภายในปีนี้
NPS ปรับกลยุทธ์รับผลกระทบจากสงคราม มุ่งลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ

นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ NPS ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนส่งผลให้ราคาเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน ตลอดจนค่าขนส่งพุ่งสูงขึ้น บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์องค์กรมุ่งลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ โดยการเปลี่ยนโรงไฟฟ้าถ่านหิน 7 และ 8 มาใช้เชื้อเพลิงชีวมวลจนปัจจุบันสามารถลดการใช้ถ่านหินและลดการนำเข้าถ่านหินได้ถึงร้อยละ 50 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางเทคนิคจากต่างประเทศเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยนโรงไฟฟ้า 2 โรงดังกล่าวซึ่งมีกำลังการผลิตโรงละ 160 MW ให้สามารถใช้เชื้อเพลิงชีวมวลในการผลิตไฟฟ้าแทนที่ถ่านหินได้ทั้งหมด

นายโยธินกล่าวต่อว่า นอกจากเรื่องนี้แล้ว เพื่อให้แผนลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น บริษัทได้เร่งรัดโครงการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ หรือโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำเหนืออ่างเก็บน้ำของบริษัทในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งได้ริเริ่มการลงทุนมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 รวม 2 โครงการๆ ละ 30 MW ให้แล้วเสร็จสามารถผลิตไฟฟ้า 10 MW แรกได้ในเดือนกันยายนนี้ และผลิตได้เต็มกำลัง 60 MW ภายในปลายปีนี้ ที่สำคัญบริษัทยังมีพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำที่สามารถติดตั้งโซล่าร์ฟาร์มลอยน้ำได้อีก 130MW ทั้งหมดนี้เพื่อให้เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในสวนอุตสาหกรรม 304 เช่น Western Digital, Lenzing, Cannon, และ Toshiba ที่ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดในการผลิตสินค้า

"หากการปรับเปลี่ยนโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โรง และโครงการโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด นั่นหมายความว่า บริษัทเราจะลดการนำเข้าเชื้อเพลิงถ่านหินจากต่างประเทศได้ 100% ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้" นายโยธินกล่าวสรุป

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2564 NPS มีรายได้รวม 15,653 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปี 2563 และมีกำไรสุทธิ 1,554 ล้านบาท ลดลงจากปี 2563 โดยสาเหตุหลักมาจากราคาถ่านหินที่ปรับสูงขึ้นมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 อย่างไรก็ตามคาดว่าผลการดำเนินงานในปี 2565 จะกลับมาดียิ่งขึ้น เนื่องจากบริษัทได้ปรับกลยุทธ์องค์กรซึ่งจะส่งผลให้โครงสร้างทางการเงินมั่นคงมากขึ้น

ที่มา: คิธ แอนด์ คิน คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ คอนซัลแตนท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๕๙ PROS จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2567 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวอนุมัติทุกวาระ
๐๙:๔๙ ซีพี - ซีพีเอฟ สนับสนุนโครงการ สานใจไทย สู่ใจใต้ รุ่นที่ 42 ส่งเสริมเยาวชนรุ่นใหม่ ตอบแทนคุณแผ่นดิน
๐๙:๑๓ นักวิชาการ TEI แนะมุมมองการสร้าง Urban Climate Resilience ต้องเร่งปรับตัวและเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
๐๙:๓๙ TEI เปิดวงเสวนา บทเรียนและทางออกการจัดการกากแคดเมียม ? พร้อมเร่งแก้ปัญหา โจทย์ใหญ่กากแคดเมียม จัดการอย่างไรให้ปลอดภัยและถูกต้อง
๐๙:๒๔ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาสในโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี ณ
๐๙:๑๑ เขตปทุมวันกำชับเจ้าของพื้นที่ตั้งวางสิ่งของ-อุปกรณ์การค้าริมกำแพงส่วนบุคคลให้เรียบร้อย
๐๙:๓๔ ม.หอการค้าไทย ปฐมนิเทศสำหรับผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านนวัตกรรมการบริการ รุ่นที่ 5 (Top Executive Program for Creative Amazing Thai Services :
๐๙:๐๒ เฮงลิสซิ่ง รับรางวัล หน่วยงานส่งเสริมสุขภาพการเงินพนักงาน ระดับดีเด่น โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
๐๙:๔๕ มูลนิธิเฮอริเทจ (ประเทศไทย) ส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดสมุทรสาคร
๐๙:๔๔ พาราไดซ์ พาร์ค ต้อนรับ The Little Gym เปิดสาขาที่ 3