สำหรับภาพรวมและคำแนะนำเรื่องทิศทางการลงทุนในกองทุนของตลาดสหรัฐและจีน สภาวการณ์โดยรวมยังคงมีปัจจัยกดดันมุมมองการลงทุนในตราสารทุนทั่วโลกอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ โดยนักวิเคราะห์เริ่มมองว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ที่ทางธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะดำเนินนโยบายผิดพลาดในการแก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งก็อาจนำไปสู่ความเสี่ยงอื่นๆในระบบเศรษฐกิจของโลก เช่นปัญหาสภาพคล่องทั่วโลกหดตัวลงอย่างฉับพลัน เป็นต้น ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวถึงในเบื้องต้นนี้ล้วนทำให้การลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันและความไม่แน่นอนอีกมาก แม้ว่าระดับราคาในหลายๆตลาดจะมีการปรับตัวลงมามากแล้วนับตั้งแต่ต้นปี ทั้งนี้ในระยะถัดไปประเด็นเรื่องเงินเฟ้อซึ่งยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกันระหว่างนักลงทุนและประชาชนส่วนใหญ่ก็จะยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กดดันอุปสงค์ในการจับจ่ายใช้สอยของผู้คน
กองสหรัฐ มีจุดเด่น และความน่าสนใจอย่างไร และอะไรคือปัจจัยเสี่ยง
การลงทุนในสหรัฐยังคงเป็นตลาดที่พัฒนาแล้วที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีที่สุดที่หนึ่งในโลก อย่างก็ตามภาวะการเทขาย หรือ sell off ที่เกิดขึ้นในตลาดหลักในปีนี้ก็ได้สร้างผลกระทบในตลาดสหรัฐโดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นกลุ่มเติบโต (growth) ซึ่งได้รับผลกระทบมากกว่าตลาดโดยรวมและหุ้นในกลุ่มคุณค่า (value) เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ทางทีมแนะนำการลงทุนยังคงมีมุมมองที่ดีในระยะยาวสำหรับการลงทุนในกลุ่มเติบโต โดยมุ่งเน้นการจัดสรรสินทรัพย์ในลักษณะแบ่งน้ำหนักการลงทุน (barbell) เพื่อให้ยังคงมีการจัดสรรการลงทุนบางส่วนในสไตล์การลงทุนดังกล่าว และมุ่งเน้นไปที่การเลือกเฟ้นกองทุนและหุ้นที่มีคุณภาพ มีการเติบโตที่ดีในระดับราคาที่สมเหตุสมผล และหรือมีความได้เปรียบเชิงแข่งขันสูงในกลุ่มอุตสหกรรมที่ดำเนินธุรกิจอยู่ เป็นต้น โดยความเสี่ยงหลักที่ยังต้องติดตามในระยะถัดไปยังคงเป็นตัวเลขเงินเฟ้อ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
กองจีน มีจุดเด่น และความน่าสนใจอย่างไร และอะไรคือปัจจัยเสี่ยง
กองทุนในกลุ่มประเทศจีนในปัจจุบันมีหลายกองทุนให้นักลงทุนในไทยเลือกสรร แต่จะมีเพียงน้อยกองเท่านั้นที่ทางทีมแนะนำ คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นเหนือกองทุนอื่นๆที่มีในตลาด ในปัจจุบันตลาดจีนถือได้ว่ามีระดับมูลค่าตลาดกลับลงมาต่ำมากๆอีกครั้งในรอบหลายปีมานี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากเวฟใหม่ของโควิดประกอบกับมาตรการ Zero Covid ซึ่งความพยายามในการปรามปราบดังกล่าว แม้จะมีประสิทธิผลในการแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุข แต่ก็ได้สร้างภาระให้กับประเทศในด้านสังคมและเศรษฐกิจเป็นอย่างมากเช่นกัน ในหลายๆกลุ่มอุตสหกรรมถูกเทขายลงมามากในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มการบริโภค ซึ่งหากผ่านพ้นช่วงโควิดนี้ไปการผ่อนคลายของมาตรการในช่วงล็อกดาวน์ นี้ก็ย่อมทำให้หุ้นคุณภาพบางกลุ่มที่โดยเทขายเพราะมาตรการเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะกลับมาสร้างผลตอบแทนที่ดี (Perform) ได้อย่างโดดเด่นกว่ากลุ่มอื่นๆ เกาะกระแสการฟื้นตัวของโควิดเช่นกัน
จังหวะในการเข้าซื้อที่เหมาะสม
ในการจัดสรรการลงทุนท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะในระยะนี้ และในช่วงที่เหลือของปีนี้ด้วยนั้น การกระจายความเสี่ยงในการลงทุนยังคงเป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่ใช้ได้จริงเสมอในทุกสภาวการณ์รวมถึงในช่วงนี้ด้วย โดยนอกเหนือจะมีการลงทุนที่กระจายตัวในระดับสินทรัพย์ ในระดับกลุ่มอุตสาหกรรม หรือแม้จะเป็นรายภูมิภาค หรือตามธีมในการลงทุนแล้ว การกระจายในแง่ของเงื่อนเวลา หรือการแบ่งการเฉลี่ยซื้อ หรือที่นักลงทุนเรียกกันติดปากว่าการทำ Dollar Cost Average (DCA) นั้นก็ยังคงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงจากการเข้าซื้อในวันที่ระดับราคาอาจจะถูกหรือแพงได้ เพราะในระยะยาวเมื่อมองย้อนกลับมา นักลงทุนก็จะได้รับต้นทุนที่เป็นค่าเฉลี่ยในช่วงใดช่วงหนึ่งเสียมากกว่า
Maybank Investment Management หรือ IM บริการวางแผนการลงทุนจากทีมงานมืออาชีพ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย ครอบคลุม อาทิ กองทุนรวม, ตราสารหนี้, หุ้นกู้, Offshore Trading, SBLและ DW เป็นต้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่งคั่งและยั่งยืนให้กับคุณ Maybank Investment Management มีการจัดสัมมนาและกิจกรรมเพื่อนำเสนอทางเลือกการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ให้กับลูกค้าตลอดทั้งปี เพื่อให้ลูกค้ามีข้อมูลที่ถูกต้องในการตัดสินใจลงทุน สำหรับท่านที่สนใจเปิดพอร์ตกับ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เพื่อการลงทุน สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร 0-2658-5050
ที่มา: หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)