ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน : เพื่อธุรกิจ เพื่อผู้ลงทุน เพื่อโลก

อังคาร ๒๘ มิถุนายน ๒๐๒๒ ๑๑:๒๘
หลังจากที่โลกได้ตื่นรู้กับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ควบคู่กับการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนของทุกภาคส่วนเริ่มเห็นชัดเจนและจริงจังมากขึ้น ภาคประชาชนมีความต้องการบริโภคสินค้าและบริการจากกิจการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มสูงขึ้น และภาคธุรกิจเริ่มปรับกระบวนการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่าและมีประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุด รวมทั้งภาครัฐซึ่งมีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศมุ่งเน้นแก้ปัญหาในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม ตามที่ได้ประกาศเจตนารมณ์เพื่อยกระดับการดำเนินการของไทยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2593 และเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในปี 2608 โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน : เพื่อธุรกิจ เพื่อผู้ลงทุน เพื่อโลก

ตลาดทุนในฐานะที่เป็นศูนย์กลางในการระดมเงินทุนจึงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ "ตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน" โดยหลังจากที่ ก.ล.ต. ได้ออกหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการออกตราสารหนี้ เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม (Social Bond) และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) ตั้งแต่ปี 2561 - 2562 และออกหลักเกณฑ์เพิ่มเติมสำหรับ ตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond) ทั้งผู้ระดมทุนและผู้ลงทุนต่างให้ความสนใจในตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2564 มีมูลค่าการระดมทุนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2563 (โดยเพิ่มเป็น 174 ล้านบาท จาก 86 ล้านบาท) และในปี 2565 การระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนมีมูลมากกว่า 3 แสน 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งผู้ระดมทุนมีทั้งที่เป็นภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชน โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้สำหรับโครงการต่าง ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเกิดประโยชน์ต่อสังคมมากมาย เช่น ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม โครงการปลูกป่า การจ้างงานและบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ขณะที่ในด้านของผู้ลงทุนเองก็ให้การตอบรับที่ดีกับตราสารหนี้ประเภทนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่ ผู้ลงทุนต่างชาติ รวมไปถึงผู้ลงทุนทั่วไป ซึ่งเห็นได้จากหลายเคสที่มูลค่าการจองซื้อเกินกว่ามูลค่าการเสนอขาย (oversubscription)

บทความนี้จึงขอรวบรวมประโยชน์ในแง่มุมต่าง ๆ ที่กิจการและผู้ลงทุนจะได้รับ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนมีประโยชน์มากกว่าที่คิด

ด้านการระดมทุนของภาคธุรกิจ

  • ช่วยขยายฐานผู้ลงทุนใหม่ ๆ ให้กับกิจการ โดยอาจมีการขยายฐานไปยังผู้ลงทุนที่ไม่เคยลงทุนในตราสารหนี้ของกิจการมาก่อน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ลงทุนที่ใช้ปัจจัยด้านความยั่งยืนประกอบการตัดสินใจลงทุน ซึ่งจากการศึกษาข้อมูล[ Ref: Green Bond บีทีเอส กรุ๊ปฯ ยอดจองล้นเป้า 8 เท่าตัว | BTS Group Holdings) ]พบว่า กิจการที่ออกตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนสามารถขยายฐานไปยังผู้ลงทุนรายใหม่ได้ เช่น กลุ่มผู้ลงทุนที่เป็นบริษัทประกันชีวิต กองทุนรวม และผู้ลงทุนต่างชาติ
  • มีโอกาสได้รับต้นทุนในการระดมทุนที่ลดลงได้ เนื่องจากผู้ลงทุนตื่นตัวในเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความสนใจในการลงทุน ยกตัวอย่างเช่น กรณีของพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนของรัฐบาลไทยที่ออกครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2563 พบว่าสามารถออกพันธบัตรได้ในวงเงิน 30,000 ล้านบาท ที่อัตราดอกเบี้ย 1.585% ต่อปีซึ่งต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนตลาด (market yield) ของพันธบัตรรัฐบาลทั่วไปที่มีอายุเท่ากัน เนื่องจากผู้ลงทุนให้ความสนใจอย่างมากโดยมีการเสนอวงเงินซื้อพันธบัตรเข้ามาสูงถึง 3.05 เท่าของวงเงินที่ประกาศ
  • ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่กิจการ โดยเป็นการแสดงให้เห็นเจตนารมย์มุ่งไปสู่การดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสังคม สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน รวมถึงยังสามารถที่จะทำให้กิจการเป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับประเทศหรือระดับสากลอีกด้วย
  • ช่วยเตรียมความพร้อมให้กับกิจการในการปฏิบัติตามข้อบังคับทั้งในระดับประเทศและระดับสากลที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสังคมที่มีแนวโน้มจะเข้มงวดมากขึ้นในอนาคต เช่น ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งปัจจุบันสำนักงานโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างยกร่าง และร่างระเบียบมาตรการการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (CBAM) ของสหภาพยุโรป ที่คาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2566 ตลอดจนแรงกดดันจากผู้ที่เกี่ยวข้องในนิเวศธุรกิจ (business ecosystem) เป็นต้น

ด้านการลงทุนของผู้ลงทุน

  • ช่วยสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้กับผู้ลงทุน รวมถึงยังเป็นทางเลือกการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่มีความต้องการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนในรูปตัวเงิน และได้ช่วยเหลือด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน
  • มีความผันผวนที่ต่ำกว่าตราสารหนี้ทั่วไป เนื่องจากส่วนใหญ่มักเป็นการลงทุนในโครงการระยะยาว ซึ่งอ้างอิงจากการศึกษาข้อมูลตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน
  • ช่วยส่งเสริมความโปร่งใสในการลงทุน เนื่องจากการออกตราสารหนี้กลุ่มนี้มีข้อจำกัดเรื่องวัตถุประสงค์การใช้เงิน หรือการกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายด้านความยั่งยืน จึงจำเป็นจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้ลงทุนรับทราบก่อนตัดสินใจลงทุน
  • สอดคล้องกับทิศทางในการส่งเสริมเรื่องการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ เช่น หลักธรรมาภิบาลการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนสถาบัน (Investment Governance Code : I Code) ของ ก.ล.ต. เพื่อเป็นมาตรฐานในการลงทุนด้วยความรับผิดชอบต่อลูกค้าโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลของกิจการ (ESG) นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Principles for Responsible Investment (PRI) ซึ่งเป็นโครงการภายใต้การสนับสนุนขององค์การสหประชาชาติ เพื่อให้คำแนะนำเรื่องการนำหลักการลงทุนที่รับผิดชอบมาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยสิ้นปี 2564 มีผู้ลงทุนเข้าร่วมลงนามกว่า 4,500 รายทั่วโลก ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมกว่า 121 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนทุกประเภท โดยได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นคำขออนุญาตและแบบแสดงรายการข้อมูล จนถึง 31 พฤษภาคม 2568 เพื่อให้เกิดการลงทุนและการระดมทุนที่คำนึงถึงความยั่งยืน อันเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนในระยะยาว

"หากโลกยั่งยืน ธุรกิจก็ยั่งยืน ผลการลงทุนก็ยั่งยืน"

ที่มา: ก.ล.ต.

ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน : เพื่อธุรกิจ เพื่อผู้ลงทุน เพื่อโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง
๐๓ พ.ค. มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เดินหน้า โครงการบ้านชื่นสุขสร้างสุขผู้สูงอายุ ตอกย้ำ ความกตัญญู
๐๓ พ.ค. รีเล็กซ์ โซลูชันส์ เผยกลุ่มค้าปลีกและผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่ใช้ศักยภาพของ AI มากนัก
๐๓ พ.ค. กทม. บูรณาการหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาเด็กเช็ดกระจก-ขายของริมถนน ใช้สหวิชาชีพแก้ปัญหารายครอบครัว