นางพรทิพย์ อัษฎาธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท จำกัด เผยว่า "เพ ลา เพลิน บุรีรัมย์ เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ ให้คนทุกเพศทุกวัย สู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จากการเดินทางมาศึกษาดูงานของคณะผู้บริหารระดับสูงในโครงการครั้งนี้ ทำให้เราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างภาคธุรกิจ ในการยกระดับสมุนไพรไทย และการขับเคลื่อนกัญชงสู่ภาคอุตสาหกรรมผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ โดยที่เพ ลา เพลิน พยายามเน้นย้ำการให้องค์ความรู้ที่ถูกต้องกับทุกภาคส่วน การนำสมุนไพรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และให้ข้อมูลควรรู้ทั้งคุณและโทษของพืชกัญชา กัญชงกับผู้เข้ามาศึกษาดูงาน เน้นความถูกต้อง และปลอดภัยในการนำไปใช้ เพื่อให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของประเทศไทยได้อย่างแท้จริง"
จากจุดเริ่มต้นที่ทาง เพ ลา เพลินต้องการส่งเสริมสนับสนุนภาคการเกษตรของประเทศไทย สู่ภารกิจการยกระดับสมุนไพรไทย ด้วยการนำภูมิปัญญาไทยดั้งเดิม มาศึกษาและพัฒนาร่วมกับนวัตกรรมทันสมัยสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และผลิตภัณฑ์ อีกทั้งเพ ลา เพลิน ได้ร่วมสนับสนุน วิสาหกิจศูนย์กลางการพัฒนาสมุนไพร เพ ลา เพลิน เพื่อชุมชน ในการเป็นแหล่งต้นน้ำปลูกกัญชาทางการแพทย์ ด้วยรูปแบบการปลูกระบบปิด หรือเกรดทางการแพทย์ร่วมกับโรงพยาบาลคูเมืองในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และต่อยอดสู่ปลูกกัญชา และกัญชงให้กับองค์การเภสัชกรรม และต่อยอดมาสู่กัญชงเชิงเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมให้กับภาคเอกชนในปัจจุบัน
รศ. ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยว่า "ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องเกษตรกรมีความยากจน เราสามารถใช้พื้นที่ 1 ไร่ในการสร้างพืชเศรษฐกิจให้มีมูลค่าเพิ่มสูงเป็นเรื่องที่ดี ศาสตร์พระราชาของรัชกาลที่ 9 ใช้พื้นที่ที่มีอยู่ใช้ประโยชน์ให้สูงสุด ดังนั้นการที่เราสนุบสนันพืชเศรษฐกิจให้มีมูลค่าเพิ่มสูงเป็นเรื่องที่ดี และเป็นเรื่องที่ดีที่บุรีรัมย์เป็นเมืองต้นแบบกัญชา-กัญชง และการแปรรูปสินค้านี้ที่เป็นความต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งการแพทย์และการสันทการเป็นการยกระดับรายได้ของประชาชน ลดความยากจน และความเลื่อมล้ำ"
"จากการฟังบรรยายของบุรีรัมย์โมเดล ซึ่งทำให้เห็นภาพ การต่อยอดในเชิงธุรกิจคืออะไร สำคัญอยู่ที่เราจะใช้กัญชาไปผลิตเพื่อทำอะไรตามความต้องการของตลาดไทยและตลาดโลก รวมถึงการคัดสรรสายพันธุ์และการเพาะปลูก และที่สำคัญคือตลาดต้องมาก่อน ไม่ใช่เราสนับสนุนให้มีการปลูกอย่างเดียว ไม่ใช่ดูว่าการปลูกมันจะไปผลิตอะไร ดังนั้นเกษตรกรก็จะเจ็บตัวในท้ายที่สุด" รศ.ดร. ธนวรรธน์ กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: วิชั่น ออน