ฟิทช์คงอันดับเครดิตของธนาคารกรุงเทพที่ 'BBB' และ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

อังคาร ๐๒ สิงหาคม ๒๐๒๒ ๐๙:๑๗
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ที่ 'BBB' และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมกันนี้ฟิทช์ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารและคงอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล ที่ 'bbb'

รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตสากลพิจารณาจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินและปัจจัยสนับสนุน: อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ BBL พิจารณาจากทั้งความแข็งแกร่งของโครงสร้างเครดิตของธนาคารเองซึ่งสะท้อนโดยอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) และความคาดหวังของฟิทช์ถึงโอกาสที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยซึ่งสะท้อนโดยอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของ BBL ที่ F2 ซึ่งเป็นตัวเลือกที่สูงกว่าสำหรับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว สะท้อนถึงโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนซึ่งจะมีความแน่นอนกว่าในระยะสั้น นอกจากนี้อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารยังรวมการพิจารณาถึงโครงสร้างเครดิตของธนาคารในเชิงเปรียบเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศ

สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานฟื้นตัวจากผลกระทบโรคระบาด: สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานของภาคธนาคาร โดยฟิทช์คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) จะอยู่ที่ 3.2% ในปี 2565 และ 4.5% ในปี 2566 อันดับคะแนนด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 'bbb' แนวโน้มมีเสียรภาพ ซึ่งสูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์มาตรฐานที่อยู่ในกลุ่ม 'bb' แต่ฟิทช์มีการปรับเพิ่มอันดับคะแนนโดยใช้ปัจจัยด้าน 'อันดับเครดิตของประเทศ' ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ 'BBB+'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ รัฐบาลมีความสามารถและความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมทางธุรกิจและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งสังเกตได้จากมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ในช่วงโรคระบาดโควิด

ผู้นำด้านสินเชื่อธุรกิจ: อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ BBL สะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของธนาคารในฐานะที่เป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย BBL มีจุดแข็งเป็นพิเศษในด้านความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่และความสามารถในการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ BBL มีธุรกิจในต่างประเทศเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดเทียบกับธนาคารไทยอื่นๆ โดยมีสาขาใน 14 เขตเศรษฐกิจและมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการธนาคารระหว่างประเทศสำหรับลูกค้าองค์กร นอกจากนี้ธนาคารยังมีเครือข่ายทางธุรกิจในด้านเงินฝากในประเทศที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากเครือข่ายที่กว้างขวางและชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จัก

มีความสามารถที่แข็งแกร่งในการรองรับความเสี่ยง: อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของ BBL ยังคงได้รับแรงกดดันจากผลกระทบของโรคระบาด ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของธนาคารจะยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 4% อยู่เล็กน้อยและอาจเข้าสู่ระดับสูงสุดในปี 2565 อย่างไรก็ตาม ธนาคารน่าจะยังรักษาระดับการตั้งสำรองที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 221% ในไตรมาส 1 ปี 2565 (ค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 161%) และน่าจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงเชิงลบต่อคุณภาพสินทรัพย์

ฟิทช์จึงให้อันดับคะแนนด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ 'bbb-' ซึ่งสูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ประเมินมาตรฐานของฟิทช์ที่ 'bb' การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์เป็น 'มีเสถียรภาพ' จาก 'แนวโน้มเป็นลบ' สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่าความเสี่ยงเชิงลบต่อคุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวลดลง และอันดับคะแนนด้านคุณภาพสินทรัพย์ไม่น่าจะถูกปรับลดลงในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าตามสมมติฐานกรณีพื้นฐานของฟิทช์ว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้น

กำไรฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป: ฟิทช์ปรับแนวโน้มสำหรับอันดับคะแนนด้านความสามารถในการทำกำไรของ BBL เป็น 'มีสเถียรภาพ' จาก 'แนวโน้มเป็นลบ' และคงคะแนนที่ 'bbb-' เพื่อสะท้อนถึงความคาดหวังว่าผลการดำเนินงานได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2563 โดยจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของสินเชื่อ การปรับตัวดีขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลง ฟิทช์คาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะปรับตัวเข้าสู่ระดับปกติก่อนที่จะมีภาวะโรคระบาดและปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน 1.5% (ปี 2564: 1.1%) ในช่วงหลายปีข้างหน้าโดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการเติบโตของสินเชื่อ ดังนั้นฟิทช์จึงให้คะแนนสูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ประเมินมาตรฐานของฟิทช์สำหรับความสามารถในการทำกำไร

เงินกองทุนแข็งแกร่งขึ้น: ฟิทช์คาดว่า BBL จะยังคงรักษาอัตราส่วนเงินกองทุนในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่อื่นในประเทศไทยในระยะปานกลาง การเข้าซื้อกิจการธนาคาร Permata ในปี 2563 ทำให้อัตราส่วน เงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ของ BBL ลดลงไปเกือบ 3% สู่ระดับ 14% โดยฟิทช์คาดว่า BBL จะทยอยเพิ่มเงินกองทุนให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอีกครั้งแม้ว่าการระบาดของเชื้อไวรัสจะส่งผลให้ความสามารถในการสะสมกำไรลดลงในช่วงสองปีที่ผ่านมา ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนเงินกองทุน CET 1 ของ BBL จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในอีก 1-2 ปีข้างหน้าจาก ในเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งอยู่ที่ 15.2%

สภาพคล่องแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง: ฟิทช์มองว่าการระดมทุนและสภาพคล่องของ BBL มีความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบรายอื่นในประเทศไทย (D-SIB) อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากของ BBL อยู่ที่ 81% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภาคธนาคารที่ 93% และอัตราส่วนของปริมาณสินทรัพย์สภาพคล่องต่อประมาณการกระแสเงินสดไหลออก (LCR ratio) ของธนาคารก็แข็งแกร่งโดยอยู่ที่ 270% ณ สิ้นปี 2564 (ค่าเฉลี่ยของภาคธนาคารที่ : 192%) ฐานะการระดมทุนและสภาพคล่องที่แข็งแกร่งของธนาคารได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายฐานเงินฝากที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ซึ่งฟิทช์มองว่ามั่นคงและยั่งยืน

มีความสำคัญเชิงระบบอย่างชัดเจน: อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ BBL สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของฟิทช์ในด้านความสำคัญเชิงระบบของธนาคารที่มีต่อระบบการเงินในประเทศ จึงทำให้มีโอกาสสูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดย BBL มีประวัติอันยาวนานในฐานะที่เป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในประเทศไทย โดยมีเครือข่ายทางธุรกิจในประเทศที่แข็งแกร่งรวมถึงมีสัดส่วนการดำเนินงานในต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้ BBL เป็นหนึ่งในหกธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบในประเทศไทย ซึ่งสะท้อนถึงขนาดและความเชื่อมโยงธนาคารต่อระบบทางการเงิน อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลยังสะท้อนถึงความสามารถของรัฐบาลไทยในการให้การสนับสนุนแก่ธนาคารซึ่งบ่งชี้โดยอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของประเทศไทย

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ และอันดับเครดิตภายในประเทศ

การปรับลดอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลและอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินพร้อมกันจะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิถูกปรับลดอันดับเช่นกัน อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารอาจได้รับการปรับลดอันดับหากฟิทช์มองว่าโครงสร้างเครดิตของธนาคารปรับตัวอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศไทย

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของธนาคารอาจถูกปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารถูกปรับลดลงเป็น 'BBB-'

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารอาจถูกปรับลดลงเป็น 'bbb-' หากธนาคารมีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอลงมากกว่าที่ฟิทช์คาด ซึ่งอาจสะท้อนได้โดยการปรับลดคะแนนของปัจจัยต่างๆ ที่ใช้พิจารณาอันดับเครดิต กรณีดังกล่าวอาจเกิดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาดเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวแย่ลงและทบทวนประวัติในการดำเนินธุรกิจของธนาคาร โดยแรงกดดันดังกล่าวอาจบ่งชี้ได้จากการเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่สูงกว่า 6% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง (ไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ 3.9%) ประกอบกับธนาคารมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่ด้อยลง เช่น มีอัตราส่วนเงินกองทุน CET 1 ที่ต่ำกว่า 13 % และมีอัตราส่วนสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ต่ำกว่า 120% และไม่สามารถรักษาระดับอัตรากำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ระดับสูงกว่า 1.5% ได้

อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลอาจถูกปรับลดอันดับหากฟิทช์เชื่อว่าความสามารถที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารนั้นลดลง เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยถูกปรับลดอันดับ นอกจากนี้การปรับลดอันดับเครดิตยังอาจเกิดขึ้นได้หากฟิทช์เชื่อว่าโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ BBL ลดลง เช่น จากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของระดับความสำคัญของธนาคารที่มีต่อระบบ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยที่โอกาสที่ BBL จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลจะปรับตัวลดลงในระยะปานกลาง

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ และอันดับเครดิตภายในประเทศ
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลหรืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้รับการปรับเพิ่มอันดับ ทั้งนี้อันดับเครดิตภายในประเทศของ BBL ได้รวมการพิจารณาถึงโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารเทียบกับธนาคารอื่นในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศด้วย

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ BBL อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเป็น 'bbb+' หากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของธนาคารปรับตัวดีขึ้นอย่างยั่งยืน ในขณะที่โครงสร้างธุรกิจสามารถสนับสนุนให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกว่าอุตสาหกรรมได้อย่างสม่ำเสมอโดยที่ไม่ได้ยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะต้องได้รับแรงหนุนจากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากและจะเห็นได้จากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ เช่น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ปรับตัวสูงกว่า 2.5% (ไตรมาส 1 ปี 2565: 1.3%) และมีค่าเฉลี่ยของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม 4 ปีย้อนหลังที่ระดับต่ำกว่า 3% โดยที่ยังคงความสามารถในการรองรับความเสี่ยง เช่น การมีอัตราส่วนเงินกองทุน CET 1 ที่สูงกว่า 16% อย่างไรก็ตามโอกาสการปรับเพิ่มอันดับในระยะอันใกล้นี้ค่อนข้างจำกัดเนื่องจากความท้าทายของสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน

อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยได้รับการปรับเพิ่ม ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ว่ารัฐบาลมีความสามารถเพิ่มขึ้นในการสนับสนุนธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบการเงินในประเทศรวมถึง BBL อย่างไรก็ตามการพิจารณาอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลต้องคำนึงถึงการที่โอกาสในการให้การสนับสนุนธนาคารว่าจะยังคงอยู่ในระดับเดิม

อันดับเครดิตหุ้นกู้และอันดับเครดิตอื่น

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวนับเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิของธนาคาร

หุ้นกู้ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของ BBL ได้รับการจัดอันดับที่ระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตอ้างอิง (ซึ่งคืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน) อยู่สองอันดับ เพื่อสะท้อนความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risk) ที่มีสูงกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิ ทั้งนี้ไม่ได้มีการลดทอนอันดับเครดิตเพิ่มเติมเนื่องจากข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไม่ได้มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนในระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption) ซึ่งอันดับเครดิตของตราสารและจำนวนอันดับเครดิตที่ลดทอนจากอันดับเครดิตอ้างอิงสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของฟิทช์ในการจัดอันดับเครดิตตราสารประเภทดังกล่าว

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL อาจถูกปรับลดอันดับลงหากมีการปรับลดอันดับเครดิตอ้างอิงซึ่งคืออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว

การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารจะส่งผลให้อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ BBL ได้รับการปรับลดอันดับ

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวน่าจะส่งผลให้อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของธนาคารได้รับการปรับเพิ่มอันดับ

อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ BBL จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตอ้างอิงซึ่งคืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้รับการปรับเพิ่มอันดับ

การปรับคะแนนของปัจจัยในการพิจารณาอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ 'bbb' อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 'bb' เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'อันดับเครดิตของประเทศ'

อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ 'bbb-' อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 'bb' เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'หลักประกันและระดับสำรองหนี้สูญ'

อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านความสามารถในการทำกำไรที่ 'bbb-' อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 'bb' เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'เกณฑ์ชี้วัดในอดีตและอนาคต'

อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ BBL มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตสากลของประเทศไทย

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg

BBL:
รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้

  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'BBB'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F2'
  • อันดับความเข็งแกร่งทางการเงิน คงอันดับที่ 'bbb'
  • อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล คงอันดับที่ 'bbb'
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'AA+(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F1+(tha)'
  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'BBB'
  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิคงอันดับที่ 'BB+'

ที่มา: ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๑๑ เปิดโพล! สงกรานต์ คนไทยยังอยาก รวย อวย Soft Power เสื้อลายดอก-กางเกงช้าง ต้องใส่สาดน้ำ
๑๖:๓๖ ฮีทสโตรก : ภัยหน้าร้อน อันตรายถึงชีวิต
๑๖:๐๐ STX เคาะราคา IPO 3.00 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 18,19 และ 22 เม.ย. นี้ ปักธงเทรด mai 26 เมษายน 67
๑๗ เม.ย. ถอดบทสัมภาษณ์คุณอเล็กซานเดอร์ ฟาบิก (Alexander Fabig) และคุณปีเตอร์ โรห์เวอร์ (Peter Rohwer) ผู้เชี่ยวชาญ
๑๗ เม.ย. HIS MSC จัดงานสัมมนา The SuperApp ERP for Hotel
๑๗ เม.ย. ที่สุดแห่งปี! ครบรอบ 20 ปี TDEX (Thailand Dive Expo) มหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำระดับเอเชีย งานเดียวที่นักดำน้ำรอคอย
๑๗ เม.ย. เคทีซีเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 19.99% ต่อปี แบ่งเบาภาระสมาชิกใหม่บัตรกดเงินสด เคทีซี พราว
๑๗ เม.ย. ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง CHAO เตรียมเสนอขาย IPO ไม่เกิน 87.7 ล้านหุ้น ระดมทุนเข้าจดทะเบียนใน SET
๑๗ เม.ย. แอร์เอเชีย บิน สุวรรณภูมิ-หาดใหญ่ เริ่มต้น 1,000 บาทต่อเที่ยว* เสริมทัพหาดใหญ่ บินเลือกได้ทั้งดอนเมืองและสุวรรณภูมิ!
๑๗ เม.ย. YONG จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 2567 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ อนุมัติจ่ายเงินปันผล ในอัตรา 0.08 บาท/หุ้น