คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะกลับเข้าสู่ระดับก่อนการระบาดของ COVID-19 ได้ภายในสิ้นปีนี้ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากเป็นพิเศษเพื่อรองรับวิกฤต COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมาจึงมีความจำเป็นลดลง เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและมีแรงส่งชัดเจนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น การบริโภคภาคเอกชน ตลาดแรงงานและรายได้ครัวเรือนที่ปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจยังคงอยู่จากค่าครองชีพที่สูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไปยังมีความเสี่ยงด้านสูงจากการส่งผ่านต้นทุนไปยังเงินเฟ้อพื้นฐานที่อาจมากและเร็วกว่าคาด โดยกนง. คาดว่าเงินเฟ้อจะขึ้นถึงจุดสูงสุดในไตรมาสนี้
ค่าเงินบาทอ่อนค่ามาที่ 35.53 บาท/ดอลลาร์ หลังการประกาศของ กนง. ค่าเงินบาทนั้นผันผวนอย่างมากในช่วงนี้ และมีการอ่อนค่ากว่า 6.6% ในปีนี้ท่ามกลางราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นและการคุมเข้มนโยบายอย่างแข็งกร้าวของเฟด โดย กนง. มีความเห็นว่าค่าเงินบาทนั้นมีการเคลื่อนไหวสอดคล้องกับการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ ที่เป็นผลมาจากความวิตกกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและนโยบายของเฟด กนง. ย้ำว่าจะยังคงติดตามพัฒนาการและความผันผวนของตลาดการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด
คณะกรรมการกนง. มีกำหนดการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 28 กันยายน 2565 ถ้อยแถลงของ กนง. ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าจะขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป คณะกรรมการรายหนึ่งลงคะแนนให้ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 0.50% เพื่อลดความเสี่ยงในการที่อาจต้องปรับขึ้นอย่างรุนแรงในระยะข้างหน้า เรามีความเห็นว่า ถ้อยแถลงของ กนง. นั้นสอดคล้องกับการสื่อสารที่ผ่านมาในช่วงนี้ของ ธปท. กรุงศรีคาดว่าในการประชุมเดือนหน้า จะมีการปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 0.25% และยังไม่ตัดโอกาสที่จะได้เห็นการปรับขึ้นอีกครั้งในการประชุมเดือนพฤศจิกายน
ที่มา: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา