โบรกฯ เคาะราคาเป้าหมาย KLINIQ เฉลี่ย 26-34 บ./หุ้น ชูจุดเด่นผู้นำด้านเวชกรรมและสุขภาพครบวงจรของไทย คาดกำไรปี 65 ฟื้นตัวแรง-ธุรกิจอยู่ในเมกะเทรนด์

อังคาร ๑๑ ตุลาคม ๒๐๒๒ ๑๑:๔๐
7 กูรูหุ้นเคาะราคาเป้าหมายหุ้นน้องใหม่ไอพีโอป้ายแดง บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ) ในช่วง 26-34 บาท/หุ้น เฉลี่ย 28.50 บาท/หุ้น ชูจุดเด่นผู้นำด้านเวชกรรมและสุขภาพครบวงจรของไทย ผู้บริหารและการบริการที่มีมาตรฐานทั้งบุคลากรและเครื่องมือทันสมัย ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าตลอด 13 ปีที่ผ่านมา ชี้ธุรกิจอยู่ในเมกะเทรนด์ คาดกำไรปี 65 ฟื้นตัวแรง หลังโควิด-19 คลี่คลาย แถมยังมี Upside จากลูกค้าต่างชาติ หลังเปิดเมืองเต็มรูปแบบ
โบรกฯ เคาะราคาเป้าหมาย KLINIQ เฉลี่ย 26-34 บ./หุ้น ชูจุดเด่นผู้นำด้านเวชกรรมและสุขภาพครบวงจรของไทย คาดกำไรปี 65 ฟื้นตัวแรง-ธุรกิจอยู่ในเมกะเทรนด์

บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยบทวิเคราะห์ หุ้นบริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) (KLINIQ) ประเมินมูลค่าพื้นฐาน 34 บาท ด้วยวิธี PE multiple ใช้กำไรต่อหุ้นปี 2566 ที่ 1.36 บาท กำหนดเป้าหมาย PE ปี 23 ที่ 25 เท่า อิงกับ -1SD ของค่าเฉลี่ย ซื้อขายย้อนหลัง 5 ปี (2560-2564) ของ บมจ. สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA)

ทั้งนี้ KLINIQ ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านผิวหนัง ศัลยกรรมตกแต่งความงาม และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ทันสมัยตามหลักการแพทย์ ได้แก่ การให้บริการด้านการรักษาโรคผิวหนัง ผิวพรรณความงาม ลดน้ำหนัก ดูแลรูปร่าง ศัลยกรรม Wellness และฟื้นฟูสุขภาพ โดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านความงามและศัลยกรรมตกแต่ง โดยบริษัทมีประสบการณ์ให้บริการตรวจรักษาโรคด้านผิวหนังและศัลยกรรมด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ทันสมัย ภายใต้แบรนด์ "เดอะคลีนิกค์" มีสาขารวม 39 สาขา ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2565

"บริษัทฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานใน 2H65 สนับสนุนจาก (1) การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำให้กำลังซื้อแข็งแกร่งขึ้น (2) ผลกระทบจากโรคระบาดโควิด 19 คลี่คลาย และการเปิดประเทศทำให้อุปสงค์ที่ตกค้าง (pent-up demand) จากทั้งผู้บริโภคในประเทศและต่างประเทศกลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้น และ (3) การขยายสาขาใหม่ โดยบริษัทฯจะเปิดสาขาใหม่ 2 แห่งใน 2 H65 ขณะที่จะเปิดเพิ่ม 9 สาขาในปี 2565 และ 8 สาขา ในปี 2567 (2) ธุรกิจเสริมความงามขยายตัว 8% CAGR (2565-2574)

จากการเปิดเผยข้อมูลของ KLINIQ คาดว่ากำไรสุทธิเติบโต 60% ในปี 2565 และขยายตัวต่อเนื่อง 45-34% ในปี 2565-2567 จาก (1) ยอดขายเติบโต33% CAGR (2565-2567) (2) อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวสูง 59%/60%/60% ในปี 2565-25674 (3) ธุรกิจเสริมความงามเติบโตแข็งแกร่ง บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) คาดการใช้จ่ายด้านการเสริมความงาม/คน ขยายตัวล้อกับสัดส่วนของสังคมผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 4% CAGR (2563-2583) และธุรกิจสุขภาพทั่วโลก (Global Wellness) เติบโต 21% CAGR (2563-2568)

สำหรับวัตถุประสงค์การเงินที่ได้จาก IPO ครั้งนี้ บริษัทฯมีแผนใช้เงินเพิ่มทุนเพื่อ 1. ลงทุนในการขยายกิจการ 2. ลงทุนในการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มเติม 3. ลงทุนในการขยายกิจการศูนย์ศัลยกรรม 4. พัฒนาระบบ IT และระบบข้อมูลลูกค้าและ 5. เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า KLINIQ เป็นผู้นำด้านเวชกรรมและสุขภาพครบวงจรของไทย ที่มีประสบการณ์การให้บริการลูกค้ายาวนาน และมีจำนวนสาขาถึง 39 สาขาครอบคลุม 15 จังหวัดของไทย โดยลูกค้าหลักจะเป็นคนในประเทศ 90% และต่างชาติ 10% (pre-COVID) นอกจากนี้ ผลประกอบการของ KLINIQ จะกลับมาเติบโตหลัง COVID คลี่คลาย และเทรนด์ของอุตสาหกรรมความงาม จากการขยายตัวของสังคมเมืองรวมถึง median age ของประชากรเพิ่มขึ้นทำให้มีความกังวลต่อภาพลักษณ์

"ประเมินกำไรสุทธิปี 2564-2566E CAGR สูงถึง 46% สำหรับปี 2565E คาดกำไรสุทธิที่ 195 ล้านบาท (+51% YoY) และปี 2566E ประเมินกำไรสุทธิที่ 275 ล้านบาท (+41% YoY) จากการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะ The Klinique ที่เติบโตสูงต่อเนื่องจากการขยายสาขา (ปี 2565E /2566 เปิดเพิ่ม 7/5 สาขาตามลำดับ) และปรับเพิ่มโปรแกรมการรักษาให้ครอบคลุมความต้องการผู้ใช้บริการ และยังมี upside จากลูกค้าต่างชาติ"

ประเมินราคาเป้าหมายที่ 30.00 บาท อิง 2023E PER 23.6x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย peer กลุ่ม รพ. ที่ 2566E PER 29.0x เนื่องจากมองว่า KLINIQ ให้บริการเฉพาะในกลุ่ม Aesthetic , Wellness และศัลยกรรมความงามเท่านั้น เทียบกับกลุ่มโรงพยาบาลที่มีบริการครอบคลุมในทุกด้าน

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าปัจจัยที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนทิศทางรายได้ของ KLINIQ อยู่ที่ 1.การฟื้นตัวของการเข้ามาใช้บริการคลินิก หลัง Covid-19 คลี่คลาย (จำนวนวันเฉลี่ยที่เปิดให้บริการสาขาของปี 2563 และ 2564 อยู่ที่ 296 วัน และ 272 วัน ตามลำดับ/ระดับปกติที่ 365-366 วัน) 2.การเปิดสาขาใหม่ที่ต่อเนื่อง โดยอนุมานการตั้งสาขาคลินิกใหม่ปี 2565 - 2566 ที่ 9 สาขา/ปี (ณ สิ้น 2Q65 มีการเปิดคลินิกใหม่แล้ว 5 สาขา จากสิ้นปี 2654) 3.การเปิดให้บริการศูนย์ศัลกรรมในปี 2565 (ซึ่งปัจจุบันมี 1 สาขา ที่ สยามสแควร์) โดยคาดว่าการเปิดศูนย์ศัลยกรรมจะส่งผลบวกรายได้ต่อหัวโดยรวมจาก case ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น พร้อมประเมินว่ากำไรสุทธิในช่วงปี 2565-2566 จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแข็งแกร่ง มาอยู่ที่ระดับ 198.77ลบ.(+53.78%) และ 280.73ลบ.(+41.23%) ตามลำดับ โดยมี CAGR (2563-2566) ที่ 24.72%

ประเมินราคาเหมาะสมของ KLINIQ ในปี 2566 ได้ที่ 30.50 บาท โดยใช้วิธี P/E Mutiplier และมองค่าP/Eที่เหมาะสมจาก Mean+0.5SD ของ 2566 Forward P/E ของ Peer กลุ่ม ร.พ.ขนาดเล็ก-กลาง (จากรูปแบบการให้บริการ) ที่ 23.90x ใช้ P/E ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย Peer จากการเติบโตทางรายได้ที่แข็งแกร่ง

ที่มา: เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง