ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวง อว. ในฐานะหน่วยบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ มีแผนงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ แผน P15 N27 ด้านมลพิษในภาคอุตสาหกรรม แผน P15 N28 ด้านมลพิษในภาคเมืองและชุมชน และแผน P16 N31 ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของกองทุน ววน. ที่มุ่งมั่นพัฒนาและเร่ง แก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการบริโภคอย่างยั่งยืน และการเป็นสังคมคาร์บอนต่ำที่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาและเร่งแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมของ วช. ซึ่งมีกลไกประสานกันระหว่างด้านผู้ใช้ประโยชน์และด้านผู้ผลิต โดยมี Demand-Supply Partnership เป็นความร่วมมือในการสร้างผลประโยชน์ร่วมและมีการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมเชิงเศรษฐกิจ สังคมและชุมชน
ภายในงานสัมมนาฯ ยังมีการบรรยายอีก 3 ประเด็น ได้แก่ ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย นางสาวธีราพร วิริวุฒิกร แห่งกรมควบคุมมลพิษ, แนวคิดในการสื่อสารสร้างการรับรู้เกี่ยวกับงานวิจัยด้านสารมลพิษ โดย นางสาววราวรรณ เฉลิมโอฐ แห่งองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ และ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาสตอกโฮล์ม โดย ดร.รุจยา บุณยทุมานนท์ แห่งกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
วช. มุ่งเน้นการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ และการบริโภคอย่างยั่งยืนและการเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ รวมทั้งลดผลกระทบจากมลพิษที่มีต่อเศรษฐกิจและสังคม และผลักดันนโยบายที่สำคัญและเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนานโยบายและต้นแบบเพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
ที่มา: สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ