เงินเฟ้อผนวกดอกเบี้ยขาขึ้นออกฤทธิ์ส่งผลความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยสูงขึ้น SCB CIO แนะลงทุนแบบระมัดระวังเน้นกระจายลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูง

อังคาร ๒๕ ตุลาคม ๒๐๒๒ ๑๕:๑๒
SCB CIO ประเมินตัวเลขเศรษฐกิจ เริ่มได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อสูงยืดเยื้อและดอกเบี้ยขาขึ้น แม้ยังไม่มากพอที่จะทำให้ธนาคารกลางส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 75 bps ต่อครั้ง ในการประชุมเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ตลาดหุ้นรอประเมินผลเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่มีต่อผลประกอบการไตรมาส 3 พร้อมแนะนำการลงทุนแบบระมัดระวังเน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูง เช่นผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ประเภทคุ้มครองเงินต้น หุ้นบริษัทที่มีการเติบโตแบบยั่งยืนและอัตรากำไรสูง ได้รับอานิสงค์จากการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานโลก เช่น หุ้นไทย อินโดนีเซียและสหรัฐ ส่วนเวียดนามมีมุมมองเป็น Neutral โดย Valuation ปัจจุบันที่ P/E 10X (-2SD) น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว
เงินเฟ้อผนวกดอกเบี้ยขาขึ้นออกฤทธิ์ส่งผลความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยสูงขึ้น SCB CIO แนะลงทุนแบบระมัดระวังเน้นกระจายลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูง

ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโสและหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO ) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อสูงยืดเยื้อและดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ยังไม่มากพอที่จะทำให้ธนาคารกลางส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย อ้างอิงจากรายงาน World Economic Outlook ล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่าเศรษฐกิจภาพรวมของโลกยังมีแนวโน้มได้รับผลกระทบผ่านกำลังซื้อที่ลดลงจากเงินเฟ้อและการตึงตัวของภาคการเงินรวมถึงในหลายประเทศอาจต้องเผชิญภาระหนี้ที่มากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อภาคการค้าและการลงทุน รวมถึงโมเมนตัมการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะกลาง

ในส่วนของแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ SCB CIO คงมุมมองว่า อัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศยังอยู่ในระดับสูง การชะลอลงเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมราคาพลังงานและอาหารสด) ลดลงช้ามากจากปัจจัยอุปทานที่ยังโตไม่ทันปัจจัยอุปสงค์โดยเฉพาะในภาคบริการ ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว แต่ยังไม่มากพอที่จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย (Slower rate hikes) นอกจากนั้น ราคาน้ำมันค้าปลีกเฉลี่ยของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมที่กลับมาปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ มีแนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในระดับสูงและลงช้า โดย SCB CIO ประเมินว่า เฟดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 75 bps ต่อครั้งในการประชุมเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงอยู่ในระดับสูง(ราคาพันธบัตรลดลง) จากแรงกดดันของเงินเฟ้อยังคงยืดเยื้อ ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยที่สูงขึ้นทำให้ spread อัตราผลตอบแทนพันธบัตร ยังคงสูงขึ้นโดยเฉพาะกลุ่ม High Yield ในขณะที่ตลาดหุ้นยังรอการประเมินผลของเงินเฟ้อและดอกเบี้ยต่อผลประกอบการไตรมาส 3 และสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบช้าลงของเฟด โดยอัตราเงินเฟ้อถึงแม้จะผ่านจุดสูงสุดแล้ว แต่ยังคงปรับตัวลดลงช้าในปี 2022 นี้ จะทำให้การส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยช้าลงน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงต้นปี 2023 นอกจากนั้น ผลประกอบการและ guidance จากบริษัทต่างๆในช่วงไตรมาส 3 จะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะบอกได้ว่า ตลาดหุ้นที่มีการปรับตัวลงมาค่อนข้างมากจะเป็นกับดักทางมูลค่า (valuation trap) หรือไม่?

สำหรับค่าเงินบาท SCB CIO ประเมินว่าจากสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยช้าลงที่ยังไม่ชัดเจน จะยังทำให้ ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ (DXY) ยังคงอยู่ในระดับสูง และเป็นแรงกดดันหลักต่อค่าเงินในกลุ่ม EMs รวมถึงเงินบาท บวกกับแนวโน้มการยกเลิก Zero Covid Policy ของจีนที่คาดว่าจะถูกเลื่อนออกไปจนถึงไตรมาส 2/2023 จะทำให้การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนและดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยถูกเลื่อนออกไปด้วย เราจึงปรับการคาดการณ์ค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2022 เป็น 36-37 และ สิ้นปี 2023 เป็น 34-35

การจัดพอร์ตการลงทุน SCB CIO ยังคงคำแนะนำการลงทุนแบบระมัดระวังและเน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูง ในภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยและภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น เราแนะนำให้มีเงินสดหรือผลิตภัณฑ์ความเสี่ยงต่ำ (มุ่งคุ้มครองเงินต้น) 5-15% ของพอร์ต การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (ราคาลดลง) เป็นโอกาสสำหรับลูกค้าที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดในพอร์ต โดยเน้นทยอยสะสมหุ้นกู้คุณภาพดีเพื่อหลีกเลี่ยงการเร่งตัวของ spread ในช่วงความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยสูงขึ้น นอกจากนี้ เพื่อเป็นการจัดการความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงยืดเยี้อ เรายังคงแนะให้มีสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะน้ำมันในสัดส่วน 5% ของพอร์ต เรามีมุมมองโดยรวมเป็น Neutral ต่อหุ้น โดยทยอยสะสมหุ้นบริษัทที่มีการเติบโตยั่งยื่นและอัตรากำไรสูง ในประเทศที่ได้อานิสงค์จากการเปิดเมืองเปิดประเทศ และการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานของโลก (ตลาดหุ้นไทย อินโดนีเซีย) หรือประเทศที่มีการเติบโตของค่าจ้าง (ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเริ่มทยอยสะสมหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยช้าลง) เราปรับมุมมองหุ้นเวียดนามเป็น Neutral โดยแม้เศรษฐกิจและผลประกอบการจะยังเติบโตต่อเนื่อง แต่แรงกดดันจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ลดลงเร็ว การลดค่าเงิน การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 100 bps ในช่วงสิ้นปีนี้ ยังคงเป็นแรงกดดันระยะสั้น อย่างไรก็ตาม Valuation ปัจจุบันของตลาดหุ้นเวียดนาม (P/E 10x ; -2sd) อยู่ในระดับค่อนข้างน่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว

ที่มา: ธนาคารไทยพาณิชย์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง