เตาเผาป๋ายเซ่อเริ่มดำเนินการในช่วงตอนต้นของสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ และรุ่งเรืองในตอนกลางของราชวงศ์ซ่งเหนือ จนถึงตอนกลางของราชวงศ์ซ่งใต้ ในสมัยนั้นเครื่องลายครามจากเตาเผาป๋ายเซ่อมีสีขาวบริสุทธิ์ เนื้อเนียนละเอียด ชิ้นงานมีความบาง พร้อมด้วยเนื้อสัมผัสที่แน่น ได้ชื่อเรียกเป็นพิเศษว่า "เครื่องกระเบื้องขาวป๋ายเซ่อ" น้ำยาเคลือบมีความใสดุจคริสตัล มีความแวววาวนุ่มนวล และมีสีระหว่างสีน้ำเงินกับสีขาว ความอ่อนช้อยอันวิจิตรงดงามทำให้ได้ชื่อว่าเป็น "หยกป๋ายเซ่อ" (Baishe jade) ขณะที่บันทึกเหตุการณ์ของเมืองหนานเฟิง (Chronicles of Nanfeng County) ระบุว่า "ในราชวงศ์ซ่ง ป๋ายเซ่อได้สร้างเตาเผาเครื่องลายครามหลายเตาภายใต้การดูแลอย่างเป็นทางการ แลดูคล้ายเนินเขา" โดยทุกวันนี้ยังมีเตาเผาโบราณสมัยราชวงศ์ซ่งและราชวงศ์หยวน 32 แห่งหลงเหลืออยู่ในเมืองหนานเฟิง ทอดเป็นแนวยาวกว่า 2,500 เมตร ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการถึงฉากอันน่าตื่นตาของเปลวเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ยามเมื่อเตาเผาหลายร้อยเตาเปิดเตาพร้อม ๆ กันในสมัยโบราณ วันนี้ที่หนานเฟิง ความทรงจำที่หายไปของเตาป๋ายเซ่อกำลังถูกนำกลับมาทีละน้อย เครื่องลายครามป๋ายเซ่อนำผู้คนกลับมาสู่ช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์และโรแมนติก เผยให้เห็นถึงวัฒนธรรมและรูปแบบของยุคสมัยที่ล่วงไป
ทางน้ำที่แผ่ขยายไปทั่วทุกทิศทุกทางและท่าเรือที่พลุกพล่านในมณฑลเจียงซี ทำให้เจียงซีเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญของเซรามิกจีน เครื่องลายครามที่สร้างขึ้นในเตาเผาและส่งไปทั่วโลกตลอดทั้งปี ดำดิ่งสู่หัวใจของเราในฐานะมหากาพย์แห่งชีวิตมนุษย์ เพลงเครื่องลายครามจีน และภาพของอารยธรรม สร้างความฝันของจีนเกี่ยวกับศิลปะเครื่องลายครามของมณฑลเจียงซี
วิดีโอ - https://mma.prnewswire.com/media/1940277/A_Piece_of_Song_Porcelain_from_Baishe_Kiln.mp4