ทั้งนี้ แม็คโคร ได้ยึดมั่นในพันธกิจหลักในการให้ความสำคัญกับการสร้างงานสร้างอาชีพ โดยมีพนักงานภายในสาขาเป็นคนท้องถิ่นมากกว่า 98% นอกจากนี้ยังทำงานใกล้ชิดกับเกษตรกรและซัพพลายเออร์ผู้ผลิตสินค้า พร้อมพัฒนาทักษะให้มีศักยภาพแข่งขันได้ ซึ่งตั้งแต่แม็คโคร เปิดสาขาแรกที่ประเทศกัมพูชา เมื่อปี 2017 จนถึงปัจจุบัน ได้รับซื้อผลผลิตทางการเกษตร จำนวนกว่า 6,800 ตัน อาทิ เนื้อวัว เนื้อสุกร มะละกอ ผักผลไม้ หอยแมลงภู่ รวมถึง สินค้าท้องถิ่นจาก 19 จังหวัดของกัมพูชา นอกจากนั้นยังเดินหน้าโครงการสนับสนุนร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ที่เรียกว่า จับห่วย ให้มีแนวทางการบริหารจัดการร้านค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีสมาชิกร้านค้าปลีกท้องถิ่น (ร้านจับห่วย) เข้าร่วมโครงการกว่า 700 ร้านค้า
สำหรับแม็คโครในต่างประเทศ มุ่งเน้นรูปแบบธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเสริม คือนอกจากการขายผ่านสาขาแล้ว ยังมีการให้บริการผ่านระบบ e-commerce เชื่อมต่อธุรกิจแบบออนไลน์สู่ออฟไลน์ (O2O) เพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกให้กับลูกค้า โดยยังเน้นย้ำความเป็น "ผู้นำอาหารสด" และศูนย์รวมวัตถุดิบคุณภาพดีจากทั่วทุกมุมโลก ใน "ราคาขายส่ง" เพื่อผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ผู้ประกอบการร้านอาหาร กลุ่มธุรกิจโฮเรก้า ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สำคัญของแม็คโคร พร้อมกันนี้ ยังมุ่งมั่นนำพาสินค้าจากผู้ผลิตเอสเอ็มอีไทย มากกว่า 300 รายการไปเติบโต ในภูมิภาค ผ่าน "แพลตฟอร์มแห่งโอกาส" อีกด้วย
ที่มา: นิโอ ทาร์เก็ต
