ถอดแนวคิดคนรุ่นใหม่ของ "บ้านปู เพาเวอร์" ฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าคุณภาพให้เติบโตถึงเป้าหมาย

พฤหัส ๐๕ มกราคม ๒๐๒๓ ๑๕:๔๕
เมื่อโลกแห่งธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เปลี่ยนผ่านสู่การผลิตพลังงานที่สะอาดและเป็นมิตรกับโลกยิ่งขึ้น ในมิติของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเต็มไปด้วยความผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน และคลุมเครือ (VUCA: Volatility, Uncertainty, Complexity, Ambiguity) ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมถึงเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงต้องพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่อเป็นบริษัทพลังงานที่ดำเนินธุรกิจในหลายประเทศ อย่าง บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP หัวใจสำคัญที่จะนำพาองค์กรเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นธุรกิจที่ตอบรับกับความต้องการด้านพลังงานแห่งโลกอนาคตก็คือ "ทีมงานที่แข็งแกร่ง" ที่พร้อมก้าวเดินตามกลยุทธ์ "Greener & Smarter" เพื่อส่งมอบพลังงานไฟฟ้าคุณภาพอย่างยั่งยืนให้กับผู้คน ความทุ่มเทของทีมงานมืออาชีพคือฟันเฟืองสำคัญ ที่จะทำให้ทุกภาคส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของ BPP มุ่งไปสู่ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มีความชาญฉลาดขึ้น และสร้างผลตอบแทนได้อย่างมั่นคงไม่ว่าจะเผชิญความท้าทายรูปแบบใด ตั้งแต่การดำเนินงานของโรงไฟฟ้า การพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีพลังงาน การแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environmental, Social, Governance) หรือหลัก ESG เพราะเป้าหมายของ BPP ไม่ใช่แค่การเติบโตทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการส่งมอบพลังงานไฟฟ้าคุณภาพอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มในระยะยาว
ถอดแนวคิดคนรุ่นใหม่ของ บ้านปู เพาเวอร์ ฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าคุณภาพให้เติบโตถึงเป้าหมาย

ในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้า รวมถึงการพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีพลังงาน ประกาย หยกน้ำเงิน Vice President - Business & Market Development ประจำกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน สามารถบอกเล่าเรื่องราวนี้ได้อย่างดี ประกายคร่ำหวอดในแวดวงพลังงานมาเกือบ 2 ทศวรรษ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจของ BPP ในประเทศจีน ไปสู่โรงไฟฟ้าที่ทั้ง Greener และ Smarter โดยใช้เทคโนโลยี High Efficiency, Low Emissions (HELE) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น "เรื่องการใช้เชื้อเพลิง เราใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างมาก อธิบายง่าย ๆ ว่า โรงไฟฟ้าทั่วไปเวลาจ่ายไฟ จะมีเชื้อเพลิงที่สามารถเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าได้ราว 40% ส่วนเชื้อเพลิงอีกราว 60% สูญไป แต่โรงไฟฟ้าของเราสามารถนำเชื้อเพลิงที่เหลือมาจ่ายเป็นพลังงานความร้อนให้กับชุมชนและนำกลับมาใช้ในโรงงานได้อีก นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าต่าง ๆ ของเราก็สามารถปล่อยมลสารได้ต่ำกว่าค่ามาตรฐานของทางการค่อนข้างมาก อาทิ ที่โรงไฟฟ้าเจิ้งติ้ง ทางการจีนกำหนดการปล่อยก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ไว้ที่ไม่เกิน 30 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเราสามารถทำได้ที่ระดับ 18 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จึงรู้สึกภูมิใจที่ได้นำเทคโนโลยี HELE มาพัฒนาโรงไฟฟ้าของเราในจีน ทำให้ได้รับคำชมเชยและความไว้วางใจจากรัฐบาลท้องถิ่นให้พัฒนาโครงการโซลาร์รูฟท็อปให้กับชุมชนในเมืองเจิ้งติ้ง ซึ่งจะส่งเสริมการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชน"

โครงการพัฒนาโซลาร์รูฟท็อปให้กับชุมชนในเมืองเจิ้งติ้ง (Zhengding) มณฑลเหอเป่ย (Hebei) นี่เองที่ทำให้ทีมงานของประกายได้แสดงความมุ่งมั่นของ BPP ในการพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีพลังงานอย่างเต็มที่ โดยวางเป้าหมายกำลังการผลิต 167 เมกะวัตต์ภายในปี 2566 จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 58 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังได้ต่อยอดโครงการโซลาร์รูฟท็อปโดยนำไปผนวกกับเทคโนโลยีพลังงานอื่น จากการใช้แผงโซลาร์เพื่อเป็นแหล่งพลังงานให้กับเครื่องปรับอากาศประเภท air source heat pump โดยเครื่องจะเปลี่ยนความร้อนจากอากาศมาเป็นพลังงานความร้อนในอุณหภูมิที่เหมาะกับการใช้งาน ทำให้การใช้พลังงานสุทธิเป็นศูนย์อยู่เสมอ ในฤดูหนาว เครื่องนี้จะดึงความร้อนจากอากาศภายนอกมาเป็นความอบอุ่นภายในอาคาร และหากเป็นฤดูร้อน เครื่องนี้จะนำความร้อนจากอากาศภายในอาคารออกไปสู่ภายนอก ประกายเล่าให้ฟังถึงอีกหนึ่งตัวอย่างของการต่อยอดเทคโนโลยีพลังงาน คือ โครงการเปลี่ยนขยะเป็นเชื้อเพลิง (Biocoal) ที่สามารถเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นเชื้อเพลิงที่สามารถใช้ได้ในโรงไฟฟ้าทั่วไป ช่วยลดปัญหาขยะล้นเมืองและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างการดำเนินงานในโรงไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือการพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีพลังงาน ต่างก็ช่วยสร้างความ Greener & Smarter ให้กับพอร์ตธุรกิจของ BPP และที่สำคัญคือสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในพื้นที่นั้น ๆ ด้วย

นอกจากนี้ อีกด้านที่ต้องทำควบคู่กันไปเพื่อเร่งสร้างการผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพ คือการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ในพื้นที่ที่มีศักยภาพและตอบโจทย์กลยุทธ์ Greener & Smarter โดยเฉพาะในพอร์ตธุรกิจพลังงานหมุนเวียน นิธินรรถ เอกะพันธุ Manager กำลังสำคัญของทีม Business Development ด้าน Energy Generation and Trading ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการแสวงหาโอกาสด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศเวียดนามและออสเตรเลีย เล่าให้ฟังถึงการมองเห็นโอกาสในแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจในการลงทุนของ BPP ในโครงการใหม่ ๆ "หน้าที่ของเราคือการแสวงหา พิจารณาความเป็นไปได้ และดำเนินการเข้าซื้อโครงการที่มีศักยภาพที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter ของ BPP สำหรับประเทศเวียดนาม ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่การผลิตไฟฟ้ากลับยังไม่เพียงพอ ประกอบกับภูมิศาสตร์ของเวียดนามที่มีพื้นที่กว้างขวาง และมีแสงอาทิตย์ที่เอื้ออำนวย อีกทั้งภาครัฐยังสนับสนุนเรื่องพลังงานหมุนเวียน นี่จึงเป็นโอกาสของ BPP ในการเข้าไปทำธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์"

สำหรับประเทศออสเตรเลีย นิธินรรถเล่าว่า ออสเตรเลียก็ขึ้นชื่อเรื่องพื้นที่กว้างใหญ่ไม่แพ้กับเวียดนาม และมีศักยภาพด้านทรัพยากรแสงแดดและลม รัฐบาลท้องถิ่นก็มีการตั้งเป้าหมายและส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างจริงจัง อีกทั้งผู้บริโภคก็มีความพร้อมในการเลือกซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนในตลาดไฟฟ้าเสรี (Merchant Power Market) จึงเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงสำหรับการลงทุนของ BPP "ในปี 2564 เราได้เข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เบอริล (Beryl) และมานิลดรา (Manildra) ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย นับเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตธุรกิจพลังงานหมุนเวียนของบริษัทฯ" นิธินรรถกล่าว และเสริมว่า "งานของผมมีความท้าทายมากแต่ก็รู้สึกสนุกที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา และได้สร้างผลงานที่มีคุณค่าให้กับองค์กร หากเปรียบเป็นร่างกาย งานของผมคงเป็นดวงตาและหูที่ต้องคอยเปิดรับเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงค้นหาโอกาสทางธุรกิจที่เหมาะสม ที่จะช่วยให้ BPP เติบโตได้ตามเป้าหมาย"

เมื่อโรงไฟฟ้าดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีด้านพลังงานก้าวไปอย่างไม่หยุดนิ่ง พร้อม ๆ กับการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ อยู่เสมอ BPP ก็พร้อมแล้วที่จะสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง แต่อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าจุดหมายของ BPP ไม่ใช่แค่การเติบโตทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการส่งมอบพลังงานไฟฟ้าที่มีคุณภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืนขึ้น ทุกกระบวนการในการดำเนินธุรกิจของ BPP จึงต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environment, Social, Governance) หรือหลัก ESG เป็นสำคัญ ศนิชา ภิญโญชีพ Manager - Health, Safety, Environment and Community Engagement ผู้สอดส่องดูแลการดำเนินงานขององค์กรให้สอดคล้องกับหลัก ESG เล่าว่างานของเธอมีส่วนช่วยผลักดันให้ทุกหน่วยงานในองค์กรนำหลัก ESG มาใช้ในดำเนินงาน ตั้งแต่การวางนโนบายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ESG การติดตามผลการดำเนินงาน การจัดทำรายงาน การแบ่งปันข้อมูลภายในองค์กร และการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่าง ๆ

"หากเปรียบเทียบหลัก ESG เป็นร่างกาย ก็คงเปรียบ G เสมือนเป็นกระดูก เป็นโครงสร้างขององค์กร ขณะที่ E และ S เป็นเลือดเนื้อ เป็นสิ่งที่เราต้องบำรุงรักษาให้ดีอยู่เสมอเพื่อให้ภาพรวมเป็นไปตามความคาดหวังของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และช่วยให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน" ศนิชากล่าว และเล่าว่า สำหรับด้าน E: Environment งานของเธอช่วยผลักดันการตั้งเป้าหมายของแต่ละโรงไฟฟ้าในการลดมลสารต่าง ๆ รวมถึงการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เช่น นโยบายการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ นโยบายการจัดการทรัพยากรน้ำ ในด้าน S: Social เธอช่วยผลักดันให้เกิดนโยบายการดูแลความปลอดภัยของพนักงาน การพัฒนาศักยภาพ และการส่งเสริมให้มีมาตรฐานการทำงานที่ดี รวมถึงการสื่อสารกับชุมชนที่อยู่รอบ ๆ ให้มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน จนถึงการยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมทักษะอาชีพให้กับชุมชน และด้าน G: Governance เธอจะช่วยสอดส่องว่าแต่ละหน่วยงานมีการดำเนินการด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีแล้วหรือไม่ และนำเสนอข้อมูลกับผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่าง ๆ อย่างเพียงพอและเหมาะสม ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และความโปร่งใสในการดำเนินงานขององค์กร

กิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ กล่าวสรุปว่า "การขับเคลื่อนการผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพของ BPP เกิดจากการทำงานอย่างทุ่มเทของพนักงานในทุกส่วน ตั้งแต่การดำเนินงานของโรงไฟฟ้า การพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีพลังงาน การแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ตลอดจนการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG ผมเชื่อว่าเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้า 5,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter เป็นความท้าทายที่ทีมงานของ BPP มีพลังในการขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ เพราะรู้ว่าจุดหมายของเราไม่ใช่แค่การเติบโตทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการส่งมอบพลังงานไฟฟ้าคุณภาพให้กับผู้คน และสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม"

ที่มา: เอบีเอ็ม คอนเนค

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง
๐๓ พ.ค. มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เดินหน้า โครงการบ้านชื่นสุขสร้างสุขผู้สูงอายุ ตอกย้ำ ความกตัญญู
๐๓ พ.ค. รีเล็กซ์ โซลูชันส์ เผยกลุ่มค้าปลีกและผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่ใช้ศักยภาพของ AI มากนัก
๐๓ พ.ค. กทม. บูรณาการหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาเด็กเช็ดกระจก-ขายของริมถนน ใช้สหวิชาชีพแก้ปัญหารายครอบครัว