สสส. ดันระบบแพทย์ฉุกเฉินสร้างมาตรฐานงานกีฬามวลชนสู่สากล พร้อมหนุนคนไทยเสริมทักษะ CPR ลดภาวะวิกฤติเสียชีวิต

อังคาร ๐๔ เมษายน ๒๐๒๓ ๑๔:๐๖
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ความสำคัญและสนับสนุนให้งานแข่งขันกีฬามวลชนทุกประเภทและทุกระดับในไทย มีการวางระบบความปลอดภัยทางการแพทย์ฉุกเฉิน (Medical Race Director) เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันกรณีนักกีฬาหรือผู้เข้าร่วมงานเกิดภาวะวูบหมดสติและหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถสูบฉีดเลือดเพื่อนำออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายและสมองตามปกติได้ ทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิตหากได้รับความช่วยเหลือล่าช้า ซึ่งตามสถิติในไทยพบผู้เสียชีวิตระหว่างการแข่งขันกีฬาด้วยอาการดังกล่าวประมาณ 1 ต่อ 200,000 คน ที่สำคัญที่สุดคือภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศวัย แม้แต่ผู้มีสุขภาพแข็งแรงโดยปราศจากสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า
สสส. ดันระบบแพทย์ฉุกเฉินสร้างมาตรฐานงานกีฬามวลชนสู่สากล พร้อมหนุนคนไทยเสริมทักษะ CPR ลดภาวะวิกฤติเสียชีวิต

สสส.ต้นแบบ หนุนทีมแพทย์กู้ชีพงานกีฬามวลชนไทย

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ กล่าวว่า สสส.ได้สร้างต้นแบบการวางระบบความปลอดภัยทางการแพทย์ฉุกเฉินในการจัดกีฬามวลชนไทยในงาน "Thai Health Day Run 2022 วิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่" ซึ่งจัดไปเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อลดการบาดเจ็บหรือการสูญเสียชีวิตของผู้เข้าร่วมงานที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันและหมดสติ แม้ว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นมีขึ้นมีน้อยแต่ก็ไม่ควรประมาณ เพราะ สสส.มีหน้าที่สนับสนุนให้คนไทยทุกกลุ่มวัยมีกิจกรรมทางกายในระดับปานกลางอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ เพื่อลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง และป้องกันโรคไม่ติดต่อ หรือ NCDs ดังนั้นคงไม่ดีแน่ถ้าหากระหว่างการมีกิจกรรมทางกายหรือการเข่งขันกีฬามวลชนจะสร้างความสูญเสียระดับชีวิต และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการจัดกีฬามวลชนในระดับสากลอีกด้วย

"การจัดงานกีฬามวลชนทุกประเภทและทุกระดับ ควรมีมาตรฐานความปลอดภัยทางการแพทย์ โดยทีมแพทย์พยาบาลผู้เชี่ยวชาญการกู้ชีพ มีเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อมโดยเฉพาะเครื่องกระตุ้นหัวใจหรือ AED จึงสำคัญที่สุด เพื่อเฝ้าระวัง และประเมินโอกาสที่นักกีฬาจะได้รับการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตหากเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ซึ่งจำเป็นจะต้องให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ดังนั้นการเตรียมพร้อมไว้ก่อน ก็เท่ากับการลดโอกาสการสูญเสียชีวิตได้" ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

CPR จำเป็นเรียนรู้ กู้ชีวิตคนใกล้ตัว

ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวว่า คนไทยทุกเพศวัยมีโอกาสที่จะเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้ แม้จะไม่ใช่ผู้ที่มีกิจกรรมทางกายหรือเล่นกีฬาหนักๆ เพราะปัจจุบันยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงได้อย่างชัดเจน ดังนั้นตัวเราเองรวมทั้งคนใกล้ชิดก็อาจเป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้าย เพราะฉะนั้นคนไทยทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อฟื้นคืนชีพแก่ผู้หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น ให้กลับมามีชีพจรดังเดิม (Cardio Pulmonary Resuscitation: CPR) ซึ่ง สสส.และภาคีเครือข่ายได้เร่งสนับสนุนการจัดอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปอย่างต่อเนื่อง

ทำ CPR อย่างไรเมื่อภัยมา กับ 4 นาทีชีวิตพิชิตการสูญเสีย

นพ.ภัทรภณ อติเมธิน แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ผู้เชียวชาญด้านการวิ่งและอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง สมาคมการค้าผู้จัดงานกีฬามวลชนไทย (TMPSA) ให้คำแนะนำว่า เมื่อพบเห็นผู้มีอาการวูบหมดสติ หรือล้มลงโดยไม่มีสาเหตุให้รีบเข้าไปช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการทำ CPR และใช้เครื่อง AED ทันที ซึ่งมีแนวทางการปฏิบัติดังนี้

1. ตั้งสติ และทำการตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบว่ามีความปลอดภัยเพียงพอและไม่มีอันตราย ทั้งต่อตัวผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือและผู้ป่วย 2. สำรวจอาการผู้ป่วย ว่ามีชีพจรและหายใจหรือไม่ โดยพิจารณาจากการขยับขึ้นลงของหน้าอก 3. เริ่มต้นปลุกด้วยเสียง พร้อมๆกับการสัมผัสโดยการตบบ่าทั้ง 2 ข้างของผู้มีป่วย หากไม่รู้สึกตัวและไม่หายใจ ให้เข้าสู่กระบวนการทำ CPR ทันที เพราะการปล่อยให้ล่าช้านานเท่าไหร่โอกาสการรอดชีวิตก็จะลดลง โดยเริ่มจากการนั่งคุกเข่ายกก้นขึ้น วางส้นมือข้างที่ถนัดบนบริเวณกึ่งกลางของหน้าอกในตำแหน่งของหัวใจแล้วใช้อีกมือประกอบเยือดแขนตรง จากนั้นใช้แรงกดจากหัวไหล่และลำตัวกดตรงลงไปให้ลึกประมาณ 5-6 ซ.ม ด้วยความเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที 4. ขอความช่วยเหลือจากผู้คนรอบข้าง หรือหากอยู่คนเดียวให้เปิดลำโพงโทรศัพท์ ติดต่อขอความช่วยเหลือหมายเลข 1669 โดยให้ระบุรายละเอียดของอาการ โดยเฉพาะอาการหมดสติ ไม่หายใจและหัวใจหยุดเต้น5. ระหว่างการทำ CPR ให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นนำเครื่อง AED โดยปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้เครื่องและกดปุ่มช็อกหัวใจจนกว่าหน่วยกู้ชีพ 1669 จะมาถึงที่เกิดเหตุ

"เมื่อเผชิญกับผู้ที่หมดสติหัวใจหยุดเต้น อยากให้คำนึงเสมอว่าถ้าไม่แน่ใจกับอาการให้รีบปั๊มหัวใจไว้ก่อน เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยผู้ป่วยก็ไม่ฟื้นขึ้นมาก็เท่ากับไม่รอด แต่ถ้าลงมือช่วยโอกาสในการฟื้นก็เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการเรียนรู้ขั้นตอนการทำ CPR จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกคนควรรู้และปฏิบัติได้ และแนะนำให้โหลดแอพพลิเคชั่น EMS 1669 หรือระบบรับแจ้งเหตุฉุกเฉินซึ่งจะสามารถเรียกรถพยาบาลและส่งตำแหน่งที่เกิดเหตุ รวมทั้งมีคำแนะนำในการทำ CPR และใช้เครื่อง AED อย่างชัดเจน" นพ.ภัทรภณ กล่าว

ที่มา: KrajaikaoPr

สสส. ดันระบบแพทย์ฉุกเฉินสร้างมาตรฐานงานกีฬามวลชนสู่สากล พร้อมหนุนคนไทยเสริมทักษะ CPR ลดภาวะวิกฤติเสียชีวิต

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๗ เม.ย. อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud