สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ระบุว่า ตลาดจะติดตามข้อมูลเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของสหรัฐฯ และการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) วันที่ 11 พ.ค. ซึ่งมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย 25bp สู่ระดับ 4.50% นอกจากนี้ ปธน.สหรัฐฯจะประชุมกับผู้นำสภาคองเกรสในวันที่ 9 พ.ค.ขณะที่รมว.คลังสหรัฐฯกล่าวว่ากระทรวงการคลังอาจจะไม่สามารถชำระหนี้ของรัฐบาลกลางได้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ หากสภาไม่ผ่านร่างกฎหมายปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลซึ่งอาจจะผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯและตลาดการเงินทั่วโลก ทั้งนี้ แม้ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯออกมาสดใสเกินคาด แต่เราเชื่อว่าวัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้สิ้นสุดลงแล้วท่ามกลางสถานการณ์ธนาคารภูมิภาคของสหรัฐฯที่สั่นคลอน โดยหากความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯชัดเจนมากขึ้นเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ ในภาวะเช่นนี้ เรามองว่าเงินดอลลาร์อาจย่ำฐานในกรอบที่อ่อนค่าลง
สำหรับปัจจัยในประเทศ เงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของไทยต่ำกว่าคาด โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เพิ่มขึ้น 2.67% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 16 เดือน ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI)เพิ่มขึ้น 1.66% ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนพ.ค.จะต่ำกว่า 2% จากฐานที่สูงในปีก่อน อย่างไรก็ดี โทนการสื่อสารจากธปท.บ่งชี้ว่าต้องการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีกระยะหนึ่งหากสถานการณ์ยังเอื้อให้ทำเช่นนั้น
ที่มา: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา