นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1/66 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 มีรายได้รวม 2,718.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 220.57 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9 % เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 515.40 ล้านบาท
สาเหตุที่รายได้ของบริษัทฯเพิ่มขึ้น เนื่องจากการรับรู้รายได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย โครงการ SPP Hybrid กำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ ที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 รายได้จากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม เกิดจากค่าความเข้มแสงเพิ่มขึ้น ภายใต้กำลังการผลิตตามปริมาณเสนอขายตาม PPA รวม 836.72เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม เกิดจากสภาพอากาศที่ดีขึ้น ทาให้ความเร็วลมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะ โครงการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนแบบครบวงจร จังหวัดหนองคาย กำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ ที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์เมื่อปลายปีก่อน รวมทั้งรายได้ค่าไฟระบบ Adder มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 29.67 ล้านบาท จากค่า FT ที่เพิ่มขึ้นช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2566
ส่วนแนวโน้มผลดำเนินงานในปี 2566 นี้ เชื่อว่ายังเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผน เนื่องจากมีโครงการที่จะ COD ได้แก่ โครงการพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์กับมหาวิทยาลัยมหิดล กำลังการผลิต 14 เมกะวัตต์
โครงการโณงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศเวียดนาม "Soc Trang" กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ ในครึ่งปีหลังปีนี้ สนับสนุนผลงานเติบโตตามแผน ปี 2566 ตั้งเป้าไว้ 10,000 - 11,000 ล้านบาท หรือเติบโต10% จากปีก่อน
สำหรับแผนในปี 2566 บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในการขยายงานโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต พร้อมมองหาโอกาสการลงทุนควบคู่กัน ซึ่ง SUPER มีทั้งโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมทั้งในและต่างประเทศ โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร (โซลาร์รูฟท็อป) และโครงการการขยายงานสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน( Private PPA) และโครงการ SPP HYBRID สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
ที่มา: ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น